วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เผยคนไทยผงาดแถวหน้า ช็อปสินค้าแบรนด์เนม

สำรวจพบคนไทยช็อปกระหน่ำสินค้าแบรนด์เนมติดอันดับ 6 ของโลก ทั้งๆที่ประเทศไม่ใช่มหาอำนาจ ดันยอดซื้อของฟุ่มเฟือยพุ่ง 57% แซงหน้าชาวจีนในตลาดอังกฤษ เหตุเศรษฐกิจโตพรวด

ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงมักมาจากประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ แต่ข้อมูลล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากบริษัทสำรวจตลาดด้านการท่องเที่ยว ระบุว่า ทัวริสต์ชาวไทยได้ทะยานขึ้นมายืนแถวหน้าของโลกในเรื่องการซื้อสินค้าปลอดภาษี

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ นำเสนอรายงานด้วยหัวข่าว "Thai tourists : luxury's new big spenders" อ้างผลสำรวจของ Global Blue ระบุว่า ในรอบปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยได้กลายเป็นนักช็อปอันดับที่ 6 ของโลก รองจากจีน, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย และสหรัฐ

ตลอดระยะเวลา 12 เดือน คนไทยได้จ่ายโอนเงินระหว่างประเทศรวม 376,021 ครั้ง พุ่งขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 57%

เฉพาะในประเทศอังกฤษ นับแค่เดือนมกราคม-พฤษภาคม ชาวไทยซื้อของยี่ห้อดังเพิ่มขึ้น 68% ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่แซงหน้าสถิติของชาวจีนที่มีการเติบโต 39%
ชาวไทยได้กลายเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ขยายตัวเร็วที่สุดในตลาดสหราชอาณาจักร ทำให้อังกฤษกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย โดยเฉลี่ยแล้ว ชาวไทยมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 762 ปอนด์ หรือประมาณ 36,000 บาทต่อครั้ง ตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีก่อน 22%

บริษัทสำรวจตลาด โกลบอลบลู วิเคราะห์ว่า เป็นเพราะเศรษฐกิจไทยได้เติบใหญ่ขึ้นเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย, จีดีพีขยายตัว 6.4% เมื่อปีที่แล้ว และยังคงโตต่อเนื่องในปี 2556 ขณะที่เงินบาทเทียบกับสกุลยูโรได้แข็งค่าขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังซื้อในต่างประเทศ

นอกจากนี้ อัตราว่างงานยังต่ำแค่ 0.5%, มีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ, สนามบินและสายการบินมีการเชื่อมโยงครอบคลุมทั้งเอเชียและทวีปอื่นๆอย่างกว้างขวาง, และอัตราการเกิดของประชากรอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้คนมีภาระน้อยในการเลี้ยงดูบุตร

ด้วยภาวะฟูเฟื่องดังกล่าว ทำให้สินค้าฟุ่มเฟือยหลายยี่ห้อเข้าไปเปิดสาขาในกรุงเทพ และตามแหล่งท่องเที่ยว ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แบรนด์ขนาดรองๆ เช่น Kenzo, Celine และ Stella McCartney ได้เปิดร้านในไทย ขณะยี่ห้อดังๆ อย่าง Prada ได้ปรับแต่งร้านสาขาตามย่านธุรกิจสำคัญให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น

ในอังกฤษ ห้างค้าปลีก Harrods รายงานว่า "พฤติกรรมการจับจ่ายของชาวไทยเหมือนกับชาวจีน ต้องการแบรนด์หรูที่สุด เช่น Chanel, Louis Vuitton และ Hermes. สินค้าขายดีอันดับหนึ่ง คือ กลุ่มน้ำหอมกับเครื่องสำอาง ขณะที่เสื้อผ้าบุรุษกำลังขายดีมากขึ้น"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น