วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

5 ลำดับของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีพมากที่สุด


นี้ นักดาราศาสตร์ออกตามหาดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้กันอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม จากข้อมูลทั้งหมด สามารถนำมาจัดเป็นลำดับดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีพได้
     เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมา สถาบัน Planetary Habitability Laboratoryจากมหาวิทยาลัย Universided de Puerto Rico (หรือ PHL@UPR) ได้จัดอันดับดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตมากที่สุด 5 อันดับ การจัดอันดับมีน่าจะสืบเนื่องจากการถกเถียงเรื่องการมีอยู่ของดาวนอกระบบสุริยะที่ชื่อ Gliese581g ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ห้าของระบบดาวเคราะห์ชื่อ Gliese581(หรือก็คือชื่อของดาวฤกษ์ของระบบนั้น) ซึ่งนักดาราศาสตร์เชื่อว่า ดาวที่กำลังเป็นข้อถกเถียงนี้เป็นดาวที่เหมาะสมต่อสรรพชีวิตบนโลกของเรามากที่สุดเท่าที่เคยพบมา ประกอบกับโครงการการออกตามล่าหาดาวเคราะห์ที่อาศัยอยู่ได้อีกหลายโครงการ เช่น โครงการเคปเลอร์ เป็นต้น จนได้ค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ๆ มากมาย และการจัดอันดับนี้จึงเป็นการนำเสนอผลการสำรวจจากทุกโครงการ ถ้าหากดาว Gliese581g มีอยู่จริง จะทำให้ 5 อันดับแรก ของดาวที่น่าจะไปตั้งถิ่นฐานมีดังต่อไปนี้

ข้อตกลง
1. การบอกมวลของดาว รัศมีของดาว และแรงโน้มถ่วงที่ผิวดาวจะบอกเป็นจำนวนเท่าของปริมาณเดียวกันของโลก
2. 1 ปีแสงคือระยะทางประมาณ 9.4 ล้านล้านกิโลเมตร หรือ 9,460,730,472,580.8 กิโลเมตร

ลำดับที่ 5
 : Gliese 581d


มีมวลประมาณ 6.9 เท่า รัศมีดาวประมาณ 2.2 เท่า ทำให้มีแรงโน้มถ่วงที่ผิวดาวประมาณ 1.45 เท่า และ อุณหภูมิ -37 องศาเซลเซียส ดาวดวงนี้อยู่ห่างจากโลกประมาณ 20.3 ปีแสง มีค่า ESI เป็น 0.72

      ดาวดวงนี้ถูกตรวจพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2550 จากข้อมูลที่เห็น ดาวดวงนี้หนาวมาก (หนาวกว่าลำปาง ไม่น้อยกว่า 40 องศาเซลเซียส) ถึงกระนั้นดาวดวงนี้ก็ใหญ่พอที่จะมีชั้นบรรยากาศ นักวิทยาศาสตร์จึงแนะนำว่าหากทำให้ดาวดวงนี้เกิดภาวะเรือนกระจกในระดับพอเหมาะ อากาศในดาวจะอบอุ่นขึ้นและพวกเราจะสามารถใช้ชีวิตบนดาวดวงนี้ได้สบาย เพื่อการนี้ พวกเขาจะศึกษาบรรยากาศของดาวในรายละเอียดต่อไป

ลำดับที่ 4 : HD85512b


มีมวลประมาณ 3.6 เท่า มีรัศมีประมาณ 1.7 เท่า จึงมีแรงโน้มถ่วงประมาณ 1.38 เท่า มีอุณภูมิผิวอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส และอยู่ห่างจากโลกไป 36.3 ปีแสง มีค่า ESI เป็น 0.77

ดาวดวงนี้ถูกค้นพบเมื่อ สิงหาคม ถึง กันยายน พ.ศ. 2554 โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ ที่ชิลี

ลำดับที่ 3 : Kepler22b


ดาวมีมวล 6.4 เท่า รัศมีประมาณ 2.1 เท่า จึงมีแรงดึงดูดที่ผิวอยู่ที่ 1.45 เท่า อุณหภูมิที่ผิวประมาณ 31 องศาเซลเซียส เป็นดาวที่อยู่ไกลจากโลกมาก เกือบ 600 ปีแสง มีค่า ESI เป็น 0.81

      ดาวดวงนี้ถูกค้นพบและยืนยันโดยขององค์การนาซาเมื่อเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2554 โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ (Kepler space telescrope) เชื่อกันว่าดาวดวงนี้มีความคล้ายกับโลกอย่างมาก นอกจากนี้ ดาวฤกษ์ต้นสังกัดของ Kepler22b ก็มีความคล้ายกับดวงอาทิตย์ของเราอย่างมากเช่นกัน

ลำดับที่ 2 : Gliese667Cc


มวลของดาวมีค่าเป็น 5 เท่า มีรัศมี 2 เท่า มีความโน้มถ่วงประมาณ 1.25 เท่า อุณหภูมิที่ผิวอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส มีระยะห่างจากโลกอยู่ที่ 28 ปีแสง มีค่า ESI เป็น 0.85

      ดาว Gliese667Cc ถูกค้นพบเมื่อ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2012 เนื่องจากดาวฤกษ์ชื่อ Glieses667C ที่ดาว Gliese667Cc โคจรรอบนั้น เป็นสมาชิกอยู่ในระบบดาวฤกษ์แฝดสาม (triple-star system) ซึ่งในระบบนี้จะประกอบด้วยดาวฤกษ์  Glieses667A, Glieses667B และ Glieses667C ทำให้หลายคนจินตนาการว่าหากเราไปยืนอยู่ที่ดาวเคราะห์ Gliese667Cc แล้ว เราจะได้เห็นเหมือนกับมีดวงอาทิตย์ 3 ดวง บนท้องฟ้า

และอันดับที่ 1 : Gliese581g


ดาวมีมวล 2.6 เท่า และมีรัศมีเป็น 1.4 เท่า ซึ่งทำให้มีแรงโน้มถ่วงที่ผิวเป็น 1.33 เท่า ดาวมีอุณหภูมิที่ผิวอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส อยู่ห่างจากโลกเพียง 20.2 ปีแสง ซึ่งถือว่าเป็นดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุดเท่าที่ค้นพบ มีค่า ESI เป็น 0.91

      ดาวดวงนี้ถูกค้นพบโดย กลุ่ม Lick-Camegie Exoplanet Survey โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ Keck ที่เกาะฮาวาย ดาวดวงนี้ถูกค้นพบเมื่อ เดือน กันยายน พ.ศ. 2552 และสร้างความฮือฮาต่อวงการดาราศาสตร์ในเวลานั้น เพราะมันคือดาวที่เอื้อต่อชีวิตที่อยู่ใกล้โลกมากๆ อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดาวดวงนี้ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ แต่หลักฐานหรือข้อมูลการสำรวจที่มีอยู่ตอนนี้สนับสนุนว่ามีอยู่จริง ปัจจุบันกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการมีอยู่ (หรือไม่มีอยู่) ต่อไป

      ในการที่จะระบุว่าดาวดวงใดเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต จะใช้ค่า ESI เป็นเกณฑ์ (จริงๆแล้วคือ GlobalESI) ค่า ESI (Earth Similarity Index) (ดรรชนีความเหมือนโลก หรือESI) แต่บางครั้งปริมาณนี้ถูกเรียกว่า Easy Scale Index ค่าของ ESI มีได้ตั้งแต่ 0 ถึง 1 โดย 0 คือมีความเหมือนกับโลกเป็น 0% (อยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน) และค่า 1 หมายถึงมีความเหมือนโลกเป็น 100% ดังนั้นโลกจึงมีค่า ESI เป็น 1 อย่างไม่ต้องสงสัย

ดาวเคราะห์ที่ถือว่าเหมือนโลกหรือ Earth like จะมี ESI (Global ESI) ตั้งแต่ 0.8 ขึ้นไป จาก 5 ลำดับที่จัดมา จะเห็นว่ามี Earth-like เพียง 3 ดวงเท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

รับมือกับรอยยิ้มสีเหลือง

รูปภาพ : รับมือกับรอยยิ้มสีเหลือง

รอยยิ้มที่สวยงามคือส่วนหนึ่งของบุคลิกที่ดี แต่ผู้ใหญ่ส่วนมากมักจะไม่ค่อยยิ้ม ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากยิ้ม แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่อยากอวดรอยยิ้มที่มีฟันสีเหลืองต่างหาก

รอยยิ้มสีขาวเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นถ้าใครมีฟันสีเหลือง ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษามัน ต่อไปนี้คือเคล็ดลับง่ายๆ ในการรับมือกับรอยยิ้มสีเหลือง

การทดสอบเบื้องต้น

ขั้นแรกสุด ควรวิเคราะห์หาเหตุผลที่ทำให้ฟันเหลือง ในบางรายอาจมีฟันสีเหลืองมาตั้งแต่เกิด กรณีนี้ไม่สามารถถือว่าเป็นฟันที่มีคราบเหลืองได้ แต่ถ้าในกรณีที่เมื่อตอนเป็นเด็กฟันยังขาวอยู่นั้น ก็ควรที่จะถือว่าฟันสีเหลืองเป็นปัญหาใหญ่ได้

หาสาเหตุของฟันเหลือง

การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟันเปลี่ยนสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ฟลูออไรด์ในน้ำดื่มที่มากเกินไปก็มีส่วนทำให้ฟันเหลืองได้เช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ฟันเหลืองเกิดเครื่องดื่ม (เช่นกาแฟ) อาหาร และยาสูบ นักสูบบุหรี่ทุกคนจะมีฟันเหลืองเพราะยาสูบคือส่วนประกอบสำคัญในบุหรี่ ชาและโซดาก็เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้ฟันเหลืองได้ ยิ่งกว่านั้น การเปลี่ยนสีของฟันจะเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น

การป้องกัน

ความสะอาดในช่องปากคือการป้องกันการเกิดคราบฟันที่ดีที่สุด ควรจะแปรงฟันวันละสามเวลา และควรจะแปรงฟันหลังอาหารหลักทุกมื้อ ควรไปหาหมอฟันอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

ข้อแนะนำในการกำจัดฟันเหลือง

น้ำยาบ้วนปาก - นี่คือวิธีง่ายที่สุดในการรับมือกับฟันสีเหลือง แต่น้ำยาบ้วนปากจะได้ผลดีเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาคราบฟันอย่างเบาเท่านั้น เพราะสารเพิ่มความขาวในน้ำยาบ้วนปากจะติดกับฟันในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ยาสีฟันเพิ่มความขาว - ยาสีฟันเพิ่มความขาวหาได้ง่ายตามร้านทั่วไป ยาสีฟันประเภทนี้ก็ได้ผลดีกับปัญหาเล็กๆ เท่านั้นด้วยเช่นกัน แต่มันช่วยได้ในการป้องกันการเกิดคราบได้มากกว่าการขจัดคราบ

ทาสีฟัน - ปัจจุบันมีสารฟอกฟันขาวหาได้ตามร้านค้าทั่วไป ผู้ใช้จะต้องทาสารฟอกฟันนี้บนฟันแล้วปล่อยทิ้งไว้สักพัก แต่วิธีนี้อาจยุ่งยากน่าเบื่อมากสำหรับคนที่ไม่เคยใช้ เพราะถ้าทาไม่ทั่วถึงก็อาจทำให้ดูเหมือนฟันปลอมหรือดูน่าเกลียดไปเลยก็ได้

แผ่นฟอกฟันขาว - แผ่นฟอกฟันขาวก็ทำงานด้วยหลักการ "ทาสารฟอกฟันขาว" ด้วยเช่นกัน แต่ง่ายกว่า แผ่นฟอกฟันนี้จะทำให้ทาสารฟอกฟันขาวได้อย่างทั่วถึง โดยการแปะแผ่นฟอกฟันขาวบนฟัน แต่แผ่นฟอกฟันขาวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ (เช่น ปวดเหงือก, ฟอกขาวมากเกินไป) ดังนั้นจึงไม่ควรใช้แผ่นฟอกฟันเป็นประจำ

เทคโนโลยีแสงสีฟ้า - ร้านทำฟันหลายแห่งรับประกันฟันขาวด้วยการใช้เทคโนโลยีตัวนี้ วิธีการเพิ่มความขาวนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ไฮโดรเจน เปอรอกไซด์ และเทคโนโลยีแสงสีฟ้า การรักษาด้วยวิธีนี้ได้ผลอย่างมาก ไม่มีผลข้างเคียงและสีจะติดทนนานหลายปี แต่การรักษาด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายสูง

จำไว้ว่า การแปรงฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่ยังเป็นเด็กสามารถช่วยลดโอกาสที่จะมีฟันเหลืองลงได้ ดังนั้นจงสร้างนิสัยนี้ให้เกิดตั้งแต่วัยเด็ก

การรักษาฟันเหลืองที่บ้าน

มีวิธีการรักษาฟันเหลืองที่บ้านหลายอย่างที่สามารถลองได้เพื่อทำให้ฟันขาว ถึงแม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ เช่น

-         ถูฟันด้วยเปลือกส้มด้านในที่เป็นสีขาว

-         แปรงฟันด้วยผงฟู (โซเดียมไบคาร์บอร์เนต)

-         เนื้อสตรอเบอร์รี่มีผลในการฟอกขาวจากธรรมชาติ และมีรสชาติดีกว่าผงฟู

-         เกลือก็สามารถนำมาใช้แปรงฟันได้ อาจจะลองผสมเกลือกับผงฟูและน้ำเข้าด้วยกัน แต่เกลือมีฤทธิกัดกร่อนและสามารถทำให้เกิดการแสบปากและกัดผิวเคลือบฟันได้

-         บ้วนปากด้วยน้ำส้ม

อย่างไรก็ตาม ควรจะปรึกษาทันตแพทย์ก่อนทดลองใช้วิธีข้างต้น ผิวเคลือบฟันของคุณอาจบางมาก จนคุณไม่ควรใช้วิธีการเหล่านี้เพราะมันจะทำให้เคลือบฟันของคุณยิ่งยางลง และทำให้คุณมีปัญหาเกี่ยวกับฟันมากยิ่งขึ้น ปัญหาฟันเหลืองเป็นเพียงแค่ปัญหาความงาม ดังนั้นคุณจึงไม่ควรทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันที่แท้จริงเพียงเพราะคุณต้องการมีรอยยิ้มสวยงามเท่านั้น

 

Source : tebyan.net

รอยยิ้มที่สวยงามคือส่วนหนึ่งของบุคลิกที่ดี แต่ผู้ใหญ่ส่วนมากมักจะไม่ค่อยยิ้ม ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากยิ้ม แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่อยากอวดรอยยิ้มที่มีฟันสีเหลืองต่างหาก

รอยยิ้มสีขาวเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นถ้าใครมีฟันส

ีเหลือง ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษามัน ต่อไปนี้คือเคล็ดลับง่ายๆ ในการรับมือกับรอยยิ้มสีเหลือง

การทดสอบเบื้องต้น

ขั้นแรกสุด ควรวิเคราะห์หาเหตุผลที่ทำให้ฟันเหลือง ในบางรายอาจมีฟันสีเหลืองมาตั้งแต่เกิด กรณีนี้ไม่สามารถถือว่าเป็นฟันที่มีคราบเหลืองได้ แต่ถ้าในกรณีที่เมื่อตอนเป็นเด็กฟันยังขาวอยู่นั้น ก็ควรที่จะถือว่าฟันสีเหลืองเป็นปัญหาใหญ่ได้

หาสาเหตุของฟันเหลือง

การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟันเปลี่ยนสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ฟลูออไรด์ในน้ำดื่มที่มากเกินไปก็มีส่วนทำให้ฟันเหลืองได้เช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ฟันเหลืองเกิดเครื่องดื่ม (เช่นกาแฟ) อาหาร และยาสูบ นักสูบบุหรี่ทุกคนจะมีฟันเหลืองเพราะยาสูบคือส่วนประกอบสำคัญในบุหรี่ ชาและโซดาก็เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้ฟันเหลืองได้ ยิ่งกว่านั้น การเปลี่ยนสีของฟันจะเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น

การป้องกัน

ความสะอาดในช่องปากคือการป้องกันการเกิดคราบฟันที่ดีที่สุด ควรจะแปรงฟันวันละสามเวลา และควรจะแปรงฟันหลังอาหารหลักทุกมื้อ ควรไปหาหมอฟันอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

ข้อแนะนำในการกำจัดฟันเหลือง

น้ำยาบ้วนปาก - นี่คือวิธีง่ายที่สุดในการรับมือกับฟันสีเหลือง แต่น้ำยาบ้วนปากจะได้ผลดีเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาคราบฟันอย่างเบาเท่านั้น เพราะสารเพิ่มความขาวในน้ำยาบ้วนปากจะติดกับฟันในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ยาสีฟันเพิ่มความขาว - ยาสีฟันเพิ่มความขาวหาได้ง่ายตามร้านทั่วไป ยาสีฟันประเภทนี้ก็ได้ผลดีกับปัญหาเล็กๆ เท่านั้นด้วยเช่นกัน แต่มันช่วยได้ในการป้องกันการเกิดคราบได้มากกว่าการขจัดคราบ

ทาสีฟัน - ปัจจุบันมีสารฟอกฟันขาวหาได้ตามร้านค้าทั่วไป ผู้ใช้จะต้องทาสารฟอกฟันนี้บนฟันแล้วปล่อยทิ้งไว้สักพัก แต่วิธีนี้อาจยุ่งยากน่าเบื่อมากสำหรับคนที่ไม่เคยใช้ เพราะถ้าทาไม่ทั่วถึงก็อาจทำให้ดูเหมือนฟันปลอมหรือดูน่าเกลียดไปเลยก็ได้

แผ่นฟอกฟันขาว - แผ่นฟอกฟันขาวก็ทำงานด้วยหลักการ "ทาสารฟอกฟันขาว" ด้วยเช่นกัน แต่ง่ายกว่า แผ่นฟอกฟันนี้จะทำให้ทาสารฟอกฟันขาวได้อย่างทั่วถึง โดยการแปะแผ่นฟอกฟันขาวบนฟัน แต่แผ่นฟอกฟันขาวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ (เช่น ปวดเหงือก, ฟอกขาวมากเกินไป) ดังนั้นจึงไม่ควรใช้แผ่นฟอกฟันเป็นประจำ

เทคโนโลยีแสงสีฟ้า - ร้านทำฟันหลายแห่งรับประกันฟันขาวด้วยการใช้เทคโนโลยีตัวนี้ วิธีการเพิ่มความขาวนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ไฮโดรเจน เปอรอกไซด์ และเทคโนโลยีแสงสีฟ้า การรักษาด้วยวิธีนี้ได้ผลอย่างมาก ไม่มีผลข้างเคียงและสีจะติดทนนานหลายปี แต่การรักษาด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายสูง

จำไว้ว่า การแปรงฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่ยังเป็นเด็กสามารถช่วยลดโอกาสที่จะมีฟันเหลืองลงได้ ดังนั้นจงสร้างนิสัยนี้ให้เกิดตั้งแต่วัยเด็ก

การรักษาฟันเหลืองที่บ้าน

มีวิธีการรักษาฟันเหลืองที่บ้านหลายอย่างที่สามารถลองได้เพื่อทำให้ฟันขาว ถึงแม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ เช่น

- ถูฟันด้วยเปลือกส้มด้านในที่เป็นสีขาว

- แปรงฟันด้วยผงฟู (โซเดียมไบคาร์บอร์เนต)

- เนื้อสตรอเบอร์รี่มีผลในการฟอกขาวจากธรรมชาติ และมีรสชาติดีกว่าผงฟู

- เกลือก็สามารถนำมาใช้แปรงฟันได้ อาจจะลองผสมเกลือกับผงฟูและน้ำเข้าด้วยกัน แต่เกลือมีฤทธิกัดกร่อนและสามารถทำให้เกิดการแสบปากและกัดผิวเคลือบฟันได้

- บ้วนปากด้วยน้ำส้ม

อย่างไรก็ตาม ควรจะปรึกษาทันตแพทย์ก่อนทดลองใช้วิธีข้างต้น ผิวเคลือบฟันของคุณอาจบางมาก จนคุณไม่ควรใช้วิธีการเหล่านี้เพราะมันจะทำให้เคลือบฟันของคุณยิ่งยางลง และทำให้คุณมีปัญหาเกี่ยวกับฟันมากยิ่งขึ้น ปัญหาฟันเหลืองเป็นเพียงแค่ปัญหาความงาม ดังนั้นคุณจึงไม่ควรทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันที่แท้จริงเพียงเพราะคุณต้องการมีรอยยิ้มสวยงามเท่านั้น

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

หาดทรายแก้ว Glass Beach มหัศจรรย์ จากกองขยะ



ไม่น่าเชื่อว่า หาดทรายแก้ว Glass Beach เมือง Fort Bragg ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แห่งนี้ เคยเป็นศูนย์รวมแห่งขยะกองโต จนกระทั่งใน ปี ค.ศ. 1967 มีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะหมดสิ้น เพราะเศษเล็กเศษน้อยของแก้ว กระจกต่างๆ ยังคงฝังรากเป็นอณูแฝง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนับหลายสิปปี ราวเกิดปาฏิหาริย์ เจ้าเศษแหลมคมอันเกลื่อนกลาด ถูกธรรมชาติเข้าแทรกแซง แต่ง ขัด ซัด เกลา จนไร้ความคม เป็นวัตถุกลมมนสร้างสีสันเป็น หาดทรายแก้ว Glass Beach





ปัจจุบัน หาดทรายแก้ว Glass Beach อยู่ในความดูแลของอุทยาน MacKerricher State Parkเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มแอบเก็บหินสีไป จนปริมาณหินน้อยลง ทางอุทยานฯจึงต้องยื่นมือมาควบคุมและอนุรักษ์ไว้ นี่แหละสัจธรรม..ตอนเป็นขยะก็แย่งกันทิ้ง พอสวยปิ๊งจะมาเก็บกลับบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

นักวิทย์ค้นพบ ต้นแบบวิธีรักษาอาการหูหนวก คนหูหนวกเตรียมเฮ ค้นพบวิธีรักษาโรคได้แล้ว


วันนี้ ( 13 ก.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษพบความเป็นไปได้ในการรักษาผู้ป่วยโรคหูหนวก หลังประสบความสำเร็จในการทดลองปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดในหนูเจอร์บิล ที่สามารถช่วยให้หนูที่สูญเสียการได้ยิน กลับมามีอาการเป็นปกติอีกครั้ง
นายมาร์เซโล ริโวลตา หัวหน้าทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ กล่าวถึงผลงานที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารธรรมชาติ เมื่อวันพุธว่า หนูเจอร์บิลที่นำมาใช้ทดลอง จะได้รับสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่จะทำลายเซลล์ระบบประสาทส่วนกลาง ทำหน้าที่ส่งสัญญาณรับรู้ความรู้สึกที่ได้จากเซลล์ขนไปยังเซลล์สมอง
ทีมนักวิจัยทดลองจึงใช้วิธีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ที่ได้จากทารกในระยะพัฒนาเนื้อเยื่อเซลล์ผิวหนัง และระบบประสาท ลงในเซลล์ประสาทด้านการได้ยินของหนูเจอร์บิลเหล่านั้น ซึ่งนายริโวลตาให้เหตุผลว่า เซลล์ชนิดนี้เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความอเนกประสงค์ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากต้องให้แน่ใจว่า เซลล์ต้นกำเนิดสามารถเจริญพัฒนาเป็นเซลล์เนื้อเยื่อที่โตเต็มวัยได้ ก่อนหน้านี้ ทีมงานของนายริโวลาตาทำการเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดลงในเซรั่มพิเศษ เพื่อซึมซับเซลล์กึ่งกลางที่เกี่ยวกับการได้ยิน แล้วจึงนำไปปลูกถ่ายลงในหนูเจอร์บิล

ทั้งนี้ หลังได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หนูเจอร์บิลแสดงอาการได้ยินดีขึ้น 46% เมื่อผ่านไป 10 สัปดาห์ อ้างอิงจากการวัดขั้วไฟฟ้าสมองที่แสดงปฏิกิริยาต่อเสียง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 50 เดซิเบล
อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวยังต้องอาศัยการพัฒนาอีกหลายขั้นตอน จนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัยเพียงพอ ซึ่งนายริโวลตาและทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การทดลองของพวกเขาจะได้รับการนำไปประยุกต์เพื่อใช้รักษาอาการเดียวกันนี้ในมนุษย์ สร้างความหวังให้แก่ผู้ป่วยด้วยอาการหูหนวก ที่จะกลับมามีโอกาสได้ยินอีกครั้ง.


พบลิงสายพันธุ์ใหม่ หน้าคล้ายนกฮูก บันท้าย ถุงอัณฑะสีฟ้า


พบลิงสายพันธุ์ใหม่ หน้าคล้ายนกฮูก บันท้าย ถุงอัณฑะสีฟ้า
นักวิจัยพบลิงสายพันธุ์ใหม่ที่มีความโดดเด่นจากลิงชนิดอื่นๆคือ ใบหน้าของมันจะคล้ายกับนกฮูก ส่วนหลังบันท้ายมีสีฟ้า  โดยลิงชนิดนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ The lesula อาศัยอยู่ในแถบป่าแอฟริกา กินใบไม้ ผลไม้ ดอกไม้เป็นอาหาร
ซึ่งหญิงสาวรายหนึ่งไปเห็นเข้าก็จับมาขังไว้ที่บ้านของผู้อำนวยการโรงเรียนประถมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก  นับว่าเป็นการค้นพบลิงสายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาเป็นครั้งที่สองในรอบ 28 ปี ความแตกต่างที่มีบั้นท้าย และถุงอัณฑะสีฟ้านี้ ทำให้มันมีเอกลักษณ์ ต่างจากลิงที่เคยรู้จักมา และนักวิจัยได้เผยแพร่บทความลงในวารสาร PLoS ONE ด้วย






ทั้งนี้ ลิงเหล่านี้ที่อาศัยในแถบแอฟริการนับวันจะมีประชากรน้อยลง และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมนุษย์มักจะไล่ล่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร  พวกเขาเรียกร้องให้หยุดล่าสัตว์ และคุ้มครองสัตว์ป่าในแหล่งอนุรักษ์


ปรากฏการณ์ใหม่!! มาม่าเขียวหวานไก่...ขาดตลาด



                   มาม่าเขียวหวานไก่  กลายเป็นของหายาก!! สร้างปรากฎการณ์ใหม่   ทำของขาดตลาดทุกที่  ไม่ว่าจะห้างหรือแม้แต่ร้านโชว์ห่วยไหนๆ  ทำให้ทุกคนรอคอย อยากกินมาม่าเขียวหวานไก่รสชาติใหม่อย่างใจจดใจจ่อ  ซึ่งไม่ทราบว่าทำไมตอนนี้ มาม่าแกงเขียวหวานไก่จึงกลายเป็นของขาดตลาดไปได้?  
เอ๊ะ!! หรือเพราะแกงเขียวหวานไก่กำลังเป็นเมนูฮอตฮิต ฟีเวอร์ที่แดนอาทิตย์อุทัยกันล่ะนี่ โดยเฉพาะเหล่าแม่บ้านที่นิยมปรุงอาหารรับประทานในครอบครัว จนทำให้ชาวยุ่นทุกหมู่เหล่าตกอยู่ในสภาวะคลั่งเขียวหวานกันเลยทีเดียว ถึงขนาดร้านอาหารไทยต้องทำการเปิดสอนคอร์สปรุงเมนูแกงเขียวหวานให้เลยเชียวล่ะ  

และเมื่อกระแสนี้ก้องดังไปจนถึงเมืองนอก จึงอาจทำให้กระแสการบริโภคแกงเขียวหวานไก่ในบ้านเราดีขึ้น จนลามไปถึงมาม่าแกงเขียวหวานไก่ก็เป็นได้ ที่ตอนนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็แทบหาซื้อไม่ได้ ไม่ว่าจะในห้างหรือแม้แต่ร้านโชว์ห่วย เหมือนกับช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาไม่มีผิด ที่หามาม่าที่ไหนก็หาไม่เจอซักกะซอง!!
 ด้วยเหตุนี้จึงอยากเตือนไว้ ว่ามาม่าแกงเขียวหวานไก่ซองนี้ คุณมีไว้ครอบครองแล้วหรือยัง? เพราะมันหายากจริงๆ!!!!!!!!!

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

ปริศนา หินเดินได้ sailing-stones




Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็น ปริศนา
ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศ สหรัฐอเมริกา ส่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้จะเกิดขึ้นทุก 2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปีในการเคลื่อนที่


แผนที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park)

ข้อมูลเกี่ยวกับเรซแทรค พลาย่า (Racetrack Playa)
เรซ แทรค พลาย่า เป็นแอ่งทะเลสาบที่ค่อนข้างราบและแห้งแล้ง มีความยาวในแนวเหนือ-ใต้ประมาณ 4 กิโลเมตร และกว้างในแนวตะวันออก-ตะวันตกประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะพื้นผิวเป็นระแหงโคลน (mud cracks) ส่วนมากประกอบด้วยตะกอนขนาดทรายแป้ง (silt) และดินเหนียว (clay)
สภาพ ภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง มีปริมาณน้ำฝนเพียงสองนิ้วต่อปี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตก น้ำปริมาณมากจะไหลจากภูเขาสูงชันที่อยู่ล้อมรอบเรซแทรค พลาย่าลงมาปกคลุมพื้นที่แอ่งจนกลายเป็นทะเลสาบตื้น ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนั้นบริเวณพื้นแอ่งจะเต็มไปด้วยดินเหนียวที่เหลวและอ่อนนุ่ม 

ปรากฏการณ์ ดินเดินได้ เกิดจากมนุษญ์ หรือ สัตว์ หรือไม่
จาก ลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่าหินก้อนนั้นต้อง เคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของเรซแทรค พลาย่านั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดิน เหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์ที่จะช่วยให้หิน เคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น


จะเห็นว่า หินทุกก้อน ไม่มีร่องรอย ของการเข้าไปรบกวน หรือทำการเคลื่ยนย้ายโดยคน หรือสัตว์ เพราะไม่มี รอยเท้า และพื้นที่ก็กว้าง เกินกว่าจะใช้ไม้หรือวัตถุเขี่ยถึง

สมมุติฐานของ การเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้
ทางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก ลม ตัวการที่นิยมนำมาใช้อธิบายปรากฎการณ์นี้ก็คือ ลม โดยส่วนมากลมที่พัดผ่านบริเวณนี้จะมีทิศทางพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยัง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องรอยการไถลของหินก็มีทิศทางขนาดกับทิศทางของลมนี้ด้วย แต่ ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคน ไ้ด้แย้งว่ากระแสลมใน เรซแทรค พลาย่า สามารถทำให้ เดินน้อยกว่า 5 เซ็นติเมตร และ ถ้าต้องการให้ ดินเดินได้เป็นระยะตามที่ปรากฏ จะต้องมีกระแสลมแรงกว่า 145 กิโลเมตร / ชั่วโมง 


จะเห็นว่าหิน บางก้อนไม่ได้เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรง ตามกระแสลมเสมอไป แต่นั้นก็อาดจากการที่กระแสลมเปลี่ยนทิศก็เป็นไปได้
หินบางก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 100 กิโลกรัม ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้
บางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก น้ำแข็ง คนกลุ่มหนึ่งให้ข้อมูลว่าเคยเห็นเรซแทรค พลาย่าถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นบางๆ แนวคิดหนึ่งอธิบายว่าเมื่อน้ำรอบก้อนหินแข็งตัวและแต่ต่อมามีลมพัดผ่านผิว ด้านบนของน้ำแข็ง ทำให้แผ่นน้ำแข็งได้ลากก้อนหินนั้นไปด้วย จึงเกิดรอยครูดไถลบนพื้นผิวแอ่ง นักวิจัยบางคนพบร่องรอยไถลของหินหลายก้อนที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ด้วย แต่ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนย้ายแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นคาดว่าจะต้องมีการ ทิ้งร่องรอยบนพื้นผิวแอ่งในทิศทางอื่นๆ ด้วย แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยนั้น

 
และนั้นจึงทำให้มันยังคง เป็น ปริศนา ที่ต้องมีการศึกษาและ หาคำตอบกันอีก ต่อไป

นักวิทยาศาตร์งง!! ธารน้ำแข็งกำลังเกิดขึ้นในเอเชีย

 
ภาพถ่ายดาวเทียมที่บันทึกโดยดาวเทียมของฝรั่งเศส แสดงให้เห็นเทือกเขาน้ำแข็งทางตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ คาราโครัม(Karakoram)เชื่อมพรมแดนจีน-ปากีสถาน และอินเดีย การพบดังกล่าวสร้างความงุนงงแก่นักวิทยาศาสตร์ เพราะเกิดขึ้นสวนกระแสกับธารน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ที่กำลังละลายไป

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส จากศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัย เกรนโนเบิล กำลังศึกษาจากภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งอุปสรรคก็คือ พื้นที่แห่งนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงได้


 

จากการศึกษาที่ผ่านมา ในพื้นที่หนาวเย็นอื่นๆทั่วโลกมีลักษณะคล้ายคลึงกับพื้นที่ คาราโครัม ที่จะเพิ่มมวลน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง และมีการตรวจวัดทางอุตุนิยมวิทยาแสดงว่าเกิดฤดูหนาวยาวนานขึ้น

ธารน้ำแข็ง Karakoram ยังพบสิ่งผิดปกติคือ เป็นพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยชั้นหินที่หนา แต่มีการละลายและการเพิ่มมวลของพื้นผิวที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดเป็นธารน้ำแข็ง

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา ว่าเหล่านี้ เป็นผลที่เกิดจาก อุณหภูมิของโลกที่เปลี่ยนแปลง (global warming)ด้วยหรือไม่ ที่จะกลายมาเป็น global cooling หรืออย่างไรหรือว่าจะเป็นเหมือนที่นักวิทยาศาสตร์ทำนายไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วว่า  ในอนาคตความหนาวเย็นจะเคลื่อนตัวจากขั้วโลกเหนือลงมาสู่ภูมิภาคใกล้เส้นศูนย์สูตร  ซึ่งได้จากสมมุติฐานที่ว่าแกนโลกเอียง 

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ทำไมคนนับถืออิสลามไม่กินหมู


ใครที่ถามแบบนี้ถือว่าเป็นการตั้งคําถามที่ถูกต้อง เพราะมุสลิมไม่กินหมู แต่ถ้าใครถามว่า “ทําไมมุสลิมกลัวหมู?” แบบนี้ถือว่าตั้งคําถามผิดนะ เพราะมุสลิมไม่ได้กลัวหมู แต่คนไทยเรามักเข้าใจผิดๆ โดยไปจดจํามาจากหนังตลกว่ามุสลิมกลัวหมู และต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อเห็นหมู!

ส่วนคําตอบที่ว่าทําไมมุสลิมไม่กินหมู ก็คือพระเจ้าสั่งห้ามนั่นเอง และสิ่งที่พระเจ้าสั่งห้ามก็ย่อมเป็นประโยชน์แก่มนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในบางเรื่องนั้นมนุษย์ก็ไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำ หรือในบางเรื่องมนุษย์ก็สามารถค้นพบหาเหตุผลได้ด้วยกระบวนการศึกษาธรรมชาติหรือที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์
ยุคปัจจุบันมีการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเนื้อสัตว์ ก็พบว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดมีพยาธิตัวเล็กๆที่ตามนุษย์มองไม่เห็นอยู่มากน้อยต่างกันไป แต่ในเนื้อหมูมีพยาธิบางชนิดซึ่งมีเกราะที่เกิดจากไขมันในเนื้อหมูห่อหุ้มมันอยู่ ซึ่งความร้อนจากการหุงต้มไม่สามารถทําลายมันได้ พยาธิเหล่านี้จะเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์หลังจากที่กินเนื้อหมูเข้าไป และรอฟักตัวออกมาทําอันตรายร่างกายมนุษย์ เช่น ประสาทตาและประสาทสมอง เป็นต้น
มุสลิมในยุคก่อนเขาไม่ทราบถึงเหตุผลเหล่านี้ แต่เขาน้อมรับและปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มาจากพระเจ้า และหมูเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ(กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ของมัน) ซึ่งพระเจ้าระบุไว้ว่าเป็นสัตว์สกปรก(นะญิส) ก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่ามุสลิมไม่กินหมูเพราะเหตุผลที่ว่าหมูมีพยาธิ ดังนั้นถึงแม้ในอนาคตจะสามารถทําให้เนื้อหมูปลอดจากพยาธิชนิดนี้ได้ หรือจะเลี้ยงหมูอย่างดีไม่ต้องให้กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ แต่มุสลิมก็จะยังคงไม่กินหมูอยู่ดีเนื่องจากเป็นสิ่งที่พระเจ้าบัญญัติห้าม
แล้วถามว่าทําไมต้องห้าม  ก็เนื่องจากเป็นการพิสูจน์ความศรัทธาครับ มนุษย์ที่ศรัทธาในพระเจ้าเขาก็จะน้อมรับกฎระเบียบที่พระเจ้าบัญญัติไว้ เขาจะไม่กินตามปากอยาก แต่เขาจะเลือกกินโดยพิจารณาว่าพระเจ้าอนุญาตให้กินหรือไม่
และอาจมีบางคนตั้งคําถามว่า ในเมื่อไม่ให้กินหมูแล้ว พระเจ้าจะสร้างหมูมาทําไม คืออย่างนี้พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตมาหลากหลายชนิด แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกชนิด จะถูกสร้างมาเพื่อเป็นอาหารสําหรับมนุษย์นะครับ สัตว์บางชนิดเกิดมาเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ สัตว์บางชนิดถูกสร้างมาเพื่อกินสัตว์กินพืช ไม่เช่นนั้นแล้วสัตว์กินพืชก็จะกินใบไม้หมดป่า ซึ่งป่าไม้และพืชนั้นก็ทําหน้าที่ซับน้ำ ผลิตออกซิเจน รักษาชั้นบรรยากาศของโลก และยังเป็นอาหารให้มนุษย์ด้วย ทํานองนี้เป็นต้นครับ ดังนั้นเราจึงต้องเลือกครับว่าสิ่งใดพระเจ้าอนุญาตให้กิน สิ่งใดพระเจ้าไม่อนุญาตให้กิน ซึ่งในเรื่องของอาหารแล้ว สิ่งใดที่พระเจ้าไม่ไดบ้ัญญัติห้ามสิ่งนั้นถือว่าอนุญาตให้กินได้โดยปริยาย
ส่วนสิ่งอื่นที่พระเจ้าบัญญัติห้ามกิน ได้แก่ 1) สิ่งมึนเมาทุกชนิด 2) เลือด 3) สัตว์บกที่ตายโดยไม่ได้ถูกเชือด 4) สัตว์บกที่ไม่ได้กล่าวนามพระเจ้าขณะเชือด 5) สัตว์บกที่ใช้กรงเล็บหรือเขี้ยวล่าสัตว์กินเป็นอาหาร 6) เนื้อลา 7) สัตว์ที่พระเจ้าระบุว่าเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส) เช่น สุนัข 8) อาหารใดก็ตามที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม เช่นขโมยมา หรือซื้อมาด้วยทรัพย์สินที่ได้มาโดยผิดหลักการศาสนา (เช่นเงินดอกเบี้ย เป็นต้น) ซึ่งทั้งหมดถูกบัญญัติในอัล-กุรอานและคำสอนของท่านศาสนทูตทั้งสิ้น และนอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนี้ก็เป็นที่อนุญาตให้กินได้ รวมทั้งสัตว์น้ำทั้งหมด (ยกเว้นบางประเภทที่มีพิษ)
เห็นไหมว่าที่ว่ากันว่ามุสลิมไม่กินหมูนั้น ไปๆ มาๆ ไม่ใช่แค่หมูนะที่มุสลิมไม่กิน ดังนั้นคงหายสงสัยแล้วสินะว่าทําไมมุสลิมจึงมักจะหาแต่ร้านที่เป็นร้านอาหารอิสลาม แต่เห็นกฎระเบียบเยอะอย่างนี้คุณคงว่าสิ่งที่ศาสนาอิสลามบัญญัติห้ามนั้นมีเยอะเหลือเกิน แต่ที่จริงหากคุณนับถือศาสนาพุทธน่าจะลองเปิดพระไตรปิฎกดูมั่งนะว่า จริงๆ แล้วศาสนาพุทธห้ามกินอะไรบ้าง? ซึ่งหากจะให้นํามากล่าวในหนังสือเล่มนี้ก็คงจะไม่ไหวแน่ เพราะมีเยอะมาก! หรือคนที่นับถือศาสนายิวหรือคริสต์ก็เช่นกันหากเขาจะปฏิบัติตามคัมภีร์แล้วละก็มีสัตว์หลายชนิดที่คัมภีร์ระบุว่าห้ามกิน และที่สําคัญไม่เคยมีใครถามเลยว่าทําไมชาวยิวและชาวคริสต์ ปัจจุบันกินหมูกันซะแล้ว ทั้งๆ ที่ในไบเบิล พันธสัญญาเก่าได้ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามกินหมู! (ในบทเลวีนิติ)

เราควรกินน้ำวันละเท่าไร


เราควรกินน้ำวันละเท่าไร

หลายๆคน คงจำได้ตั้งแต่เด็กๆว่า เราควรกินน้ำวันละ 6-8 แก้ว ซึ่งหากนับเป็นปริมาณก็ประมาณ 1.5-2 ลิตร หากเรามาพิจารณาถึงสาเหตุที่เราต้องกินน้ำในปริมารนี้ ก็เนื่องมาจาก ในแต่ละวัน ร่างกายคนเรา จะเสียน้ำออกไปจากร่างกายในรูปต่างๆ ทั้งปัสสาวะ (วันละ 1-1.5 ลิตร) + เหงื่อ (วันละ 100-300 มล.) + อุจจาระ (วันละ100-300 มล.) และทางลมหายใจ/ผิวหนัง (วันละ 300 มล.) ซึ่งเป็นที่มาที่เราควรจะได้รับสารน้ำชดเชยให้กับร่างกาย เพื่อให้ร่างกายยังคงรักษาสภาพการทำงานต่างๆได้อย่างสมบูรณ์

อะไรจะเกิดขึ้น หากได้รับน้ำน้อยไป(dehydration)
หน้าที่สำคัญของน้ำในร่างกายคือ ควบคุมสมดุลย์ของเกลือแร่ต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะความเข้มข้นของสาร/เกลือแร่ที่มีในเลือด หากร่างกายมีน้ำน้อยไป ความเข้มข้นของเกลือแร่เหล่านั้น จะเพิ่มมากขึ้น จึงต้องดึงน้ำที่มีอยู่ในเซลออกมาเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อคงระดับความเข้มข้นให้เหมาะต่อการทำงานของร่างกายได้ ระบบการทำงานต่างๆของร่างกายอาจสูญเสียไป และระดับความเข้มข้นที่เปลี่ยนไปนี้จะไปกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้อง (osmoreceptor) ทำให้เรารู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมน ADH เพื่อดูดน้ำกลับมาไม่ให้เสียไปกับปัสสาวะ
อาการที่ชี้ว่าร่างกายขาดน้ำ 
กระหายน้ำ อ่อนเพลีย ปวดหัว ปากแห้ง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะน้อย

ในทางกลับกัน หากกินน้ำมากๆจะเป็นอย่างไร(water intoxication)
ก็จะเกิดเหตุการณ์ตรงข้ามกับด้านบนคือ ความเข้มข้นของเหลวในเลือดจะลดลง ซึ่งเหตุการณ์นี้ อาจนำไปสู่ภาวะโคม่าและเสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีความเข้มข้นของ sodium ในกระแสเลือดน้อยเกินไป

เหตุการณ์นี้ อาจไม่เกิดกับคนปกติ แต่ในคนที่ออกกำลังมากๆและมีการเสียเหงื่อ/เกลือแร่มากๆ ร่างกายจะมีระดับของ sodium น้อยอยู่แล้ว หากยิ่งได้รับน้ำเข้าไปมากๆ ก็จะยิ่งมีระดับของ sodium เจือจางลงไปอีกจนอาจเกิดอาการ ในคนที่เล่นกีฬาหนักๆ จึงควรดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่มากกว่าดื่มน้ำเปล่า

การดื่มน้ำกับคนโรคไต
ผู้ที่มีไตไม่ปกติ จะมีความสามารถในการกำจัดน้ำออกจากร่างกายได้น้อยกว่าปกติ หากกินน้ำมากเกินไป ก็จะเหลือน้ำอยู่มากในร่างกาย ซึ่งอาจเกิดภาวะ water intoxication ได้เช่นกัน

สรุปแล้ว เราควรกินน้ำวันละ 6-8 แก้ว แต่อาจจะมากกว่านี้ หรือน้อยกว่านี้ก็ได้ (ในคนปกติ) จะไม่ก่อให้เกิดปัญหากับร่างกายมากนัก นอกจากนี้ เรายังได้รับน้ำจากอาหารที่เรากินเข้าไปอีกด้วย ไม่ใช่จากน้ำที่เรากินเข้าไปเท่านั้น และการกินน้ำมากๆ ก็ควรระวังเรื่องระดับของ sodium ในเลือดจะลดลงจนเกินไปด้วย

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

กรุ๊ปเลือด กับ การปฏิบัติตัว


กรุ๊ปเลือด A

สิ่งที่ควรทำ
         1.ฝึกฝนการใช้ความคิดสร้างสรรค์และรู้จักแสดงความ รู้สึกออกมาบ้าง

         2.วางแผนการที่จะทำในแต่ละวัน

         3.หาเวลาพักระหว่างวันทำงานอย่างน้อย 2 ช่วงๆ ละ 20 นาที ใช้เวลานั่งคิดไตร่ตรองสิ่งต่างๆ

         4.รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ

         5.บริโภคโปรตีนเพิ่มมากขึ้นในมื้อเช้าและลด ปริมาณลงในมื้อเย็น

         6.ไม่ควรกินเมื่อรู้สึก หงุดหงิด

         7. เปลี่ยนมารับประทานอาหารมื้อเล็กๆ 6 มื้อ ต่อวัน แทน 3 มื้ออย่างเคย เพราะจำนวนครั้งที่ถี่มาก ขึ้นช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานดีขึ้น

         8.หาเวลาครึ่งชั่วโมงฝึกจิตใจให้สงบสัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์

         9.หมั่นตรวจร่างกายเป็น ประจำเพื่อป้องกันโรคมะเร็งและหัวใจ

         10.เคี้ยวอาหาร ให้ละเอียดเพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

กินอย่างไร


        คนที่มีกรุ๊ปเลือด A ควรงดนมสดรวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนยและชีส เพราะ จะทำให้รู้สึก แน่นท้อง เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หันมารับประทานผักใบเขียวและใบเหลืองอย่างฟักทอง แครอท ผักขม บร็อคโคลี่ และพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลืองซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูงและ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งด้วย

         ไม่ ควรบริโภคเนื้อ สัตว์มากเกินไปเพราะผู้ที่มีหมู่เลือดนี้ จะไม่ค่อยมีเอนไซม์และกรดในกระเพาะอาหารที่จำเป็นต่อการย่อยโปรตีนจากเนื้อ สัตว์

        ดื่มชาเขียวเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ ควรจำกัดน้ำตาล คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่ง เหล่านี้จะไปเพิ่มความเครียด และทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานช้าลง

         อาหาร เช้าควรอุดมด้วย โปรตีน สำหรับคนกรุ๊ปเลือด A อาหารเช้าถือเป็นมื้อสำคัญที่สุด และไม่ควรอดอาหารเพราะจะก่อให้เกิดความเครียดได้ ออกกำลังกาย

         คน กรุ๊ปเลือด A จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดสูงมาก เนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาในปริมาณสูง แต่ฮอร์โมนดังกล่าวสามารถลดลงถ้าได้ทำกิจกรรมที่ร่างกายต้องจดจ่ออยู่กับ สิ่งๆหนึ่ง อย่างโยคะ ไทชิ หรือฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจ

จัดการกับอารมณ์
         1. ระบายความรู้สึกออกมาถ้าต้องการอย่าเก็บกดเอาไว้

         2. ก่อนจะเริ่มกิจกรรมหรืองานอื่นต้องจัดการสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ให้เสร็จ

         3. เด็ดเดี่ยว กล้าตัดสินใจการผัดวันประกันพรุ่งจะทำให้เกิดความเครียดได้

         4. ใน 1 เดือน หาเวลา 1 วัน อยู่เงียบๆ เพียงลำพัง

         5. หากออกกำลังกาย อย่าหักโหมต้องหยุดพักก่อนถึงขีดจำกัดของร่างกาย


กรุ๊ปเลือด B

สิ่งที่ควรทำ  

        1. สำหรับคนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้จิตนาการเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะพาไป สู่ความสำเร็จได้ในยามว่างควรฝึกใช้จินตนาการเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย

         2. สังสรรค์สมาคมกับเพื่อนๆ คนรอบข้างหรือร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น สิ่งนี้จะเป็นโอกาสช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในกลุ่มให้กับคุณ

        3. จงทำตัวให้เป็นธรรมชาติ

กินอย่างไร
         ผู้ ที่มีกรุ๊ปเลือด B ควรบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปลอดสารปรุงแต่งเจือปนและไม่ติดมัน หลายๆ ครั้งใน 1 สัปดาห์เพราะคนหมู่เลือดนี้สามารถเผาผลาญโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดี

         ไม่ควรบริโภคอาหาร ประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อไก่ แต่นมและผลิตภัณฑ์จากนมกลับเหมาะสำหรับคนกรุ๊ปเลือด B เป็นอย่างมาก ออกกำลังกาย ผู้มีกรุ๊ปเลือด B ควรออกกำลังกายประเภทท้าทายร่างกายและจิตใจ

         กิจกรรมที่เหมาะต้องเป็น ประเภทที่ใช้สมาธิควบคู่กับการออกแรงมาก เช่น เทนนิส ศิลปะการต่อสู้ ปั่นจักรยาน เดินทางไกล และกอล์ฟ

จัดการกับอารมณ์

         คน กรุ๊ปเลือด B เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล ก็จะสามารถขจัดความเครียด และความวิตกกังวลลงได้ แต่เมื่อใดที่ไม่อยู่ในสภาวะสมดุลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มสูงขึ้น และทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัส เกิดอาการเหนื่อยล้าเป็นเวลานาน จิตใจมัวหมองและภูมิคุ้มกันบกพร่อง สิ่งที่ต้องทำ คือ ลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่ร่างกายหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่อสภาวะเครียด ด้วยการทำสมาธิและการใช้จินตนาการหากิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดสมาธิ ซึ่งไทชิจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดนอกจากช่วยลดความเครียดแล้วยังลดความดัน โลหิต และทำให้รู้สึกผ่อนคลายช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น และอาจฟังดนตรีแนวที่ช่วยลดความเครียดหรือเพลงที่ทำให้เกิดจินตนาการ


กรุ๊ปเลือด AB

สิ่งที่ควรทำ


         1. ฝึกฝนนิสัยเป็นมิตรของคุณโดยเปิดรับสิ่งใหม่ๆ รอบตัว และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง

         2. เลิกหมกมุ่นกับปัญหาที่ไม่สามารถควบคุมได้หรือไม่ได้มีผลกระทบต่อคุณ

         3. ฝึกใช้จินตนาการเป็นประจำทุกวัน

         4. มีแผนการที่ชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุโดยกำหนดเป็นรายปีเดือน สัปดาห์หรือต่อวัน

         5. ค่อยๆ เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่าพยายามจัดการกับทุกสิ่งในเวลาเดียวกัน

กินอย่างไร
        ผู้ ที่มีกรุ๊ปเลือด AB ต้องจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์สีแดงและไม่ควรรับประทานเนื้อไก่ เนื่องจากร่างกายมีกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะอาหารและน้ำย่อยในลำไส้มีปริมาณ น้อย ทำให้ย่อยอาหารได้ยากเปลี่ยนมาบริโภคผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ปลา ไข่ไก่ และผักแทน

 อาหารที่ควร เลี่ยง สำหรับคนกรุ๊ปเลือด A และ B ก็ควรจะเลี่ยงในผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB ด้วยกัน เช่น ไม่ ควรบริโภค คาเฟอีน และแอลกอฮอล์มากเกินไป เพราะคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้ร่างกาย หลั่งสารอะดรีนาลีน และนอร์อะดรีนาลีน ซึ่งคนกรุ๊ปเลือด AB มีมากอยู่แล้ว ไม่ควรอดอาหารเพราะ จะทำให้เกิดความเครียด

ออกกำลังกาย

         ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB ควรทำกิจกรรมทั้งประเภทที่ก่อให้เกิดความสงบนิ่งและใช้แรงมาก เช่น โยคะและ การเต้นแอโรบิค

จัดการกับอารมณ์

        1. วางแผนล่วงหน้าว่าจะทำอะไรเพื่อช่วยลดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่ให้เกิด ความเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูก

         2. หยุดพักในวันทำงานด้วยการทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะถ้างานของคุณ ต้องนั่งอยู่กับที่ เพราะจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น

         3. ปลีกเวลาไปตอบแทนสังคมบ้างเพราะคนกรุ๊ปเลือดนี้มีพื้นฐานเป็นคนใจบุญสุนทาน และเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมโลกซึ่งอาจใช้วิธีบริจาคเงินหรือสิ่งของให้แก่ผู้ ยากไร้


กรุ๊ปเลือด O
สิ่งที่ควรทำ

         1. มีแผนการที่ชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ โดยกำหนดเป็นรายปี เดือน สัปดาห์หรือต่อวัน

         2. หลีกเลี่ยงการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ และอย่าใช้เงินเมื่อเกิดความรู้สึกเครียด

         3. หากรู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดพยายามทำให้ร่างกายเกิดความเคลื่อนไหว

         4. เมื่อเกิดความอยากเหล้า บุหรี่ น้ำตาล และยานอนหลับ สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารที่ทำให้เกิดความสุขในระยะแรกเท่า นั้น ควรหากิจกรรมอย่างอื่นแทน

กินอย่างไร
        อาหาร ประเภทโปรตีนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด O ควรรับประทานเนื้อสัตว์ต่างๆให้มาก ยกเว้นหมู นมและผลิตภัณฑ์จากนมให้บริโภคแต่น้อย เพราะร่างกายจะย่อยได้ยาก จำกัดปริมาณการบริโภคถั่ว รับประทานผักผลไม้ให้มากและเปลี่ยนมาดื่มชาเขียวแทนกาแฟ

ออกกำลังกาย


         คน มีกรุ๊ปเลือด O ที่ออกกำลังสม่ำเสมอจะมีการตอบสนองต่ออารมณ์ดียิ่งขึ้น การเต้นแอโรบิค วิ่งหรือปั่นจักรยาน ครั้งละ 30 - 45 นาที ประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้เกิดสภาวะสมดุลของอารมณ์

จัดการกับ อารมณ์
         1. กำหนดแผนการว่าจะทำอะไรเพื่อลดความซ้ำซากจำเจ เพราะเมื่อคนกรุ๊ปเลือด O รู้สึกเบื่อพวกเขามักทำอะไรเสี่ยงๆ

         2. ฝึกรับมือกับความโกรธด้วยวิธีการดังนี้เมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ โกรธ ไปเดินเล่นสักพัก ดื่มน้ำ ออก กำลังหรือเขียนระบายความรู้สึกออกมา รอจนกว่าจะหายโกรธแล้วค่อยกลับมาจัดการกับปัญหา อีกวิธีคือเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา บ่อยครั้งความโกรธมีสาเหตุมาจากการเสียความสามารถในการควบคุม

         เมื่อคุณเลือกที่จะแก้ ปัญหามากกว่าจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา ก็จะสามารถควบคุมระดับความเครียดในร่างกายให้คงที่ได้


วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

10 มหัศจรรย์แห่งความลึกลับของทิเบต


ทิเบต ดินแดนหลังคาโลก ซึ่งเต็มไปด้วยตำนานอันลี้ลับที่หลายเรื่องยังเป็นข้อกังขา หาบทสรุปไม่ได้ เขตปกครองตนเองทิเบต หรือ ธิเบต มีอากาศที่หนาวเย็นมาก ความกดอากาศและอ๊อกซิเจนต่ำ เหตุนี้จึงมีประชากรอาศัยอยู่น้อย และผู้ชายกว่าครึ่งบวชเป็นพระ พลเมืองนับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด จนได้รับฉายาว่า “แดนแห่งพระธรรม” ถือเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ลึกลับ น่าค้นหา!

1. ความลึกลับ แห่ง เยติ
 

เยติ คือ ชื่อภาษาทิเบตของมนุษย์หิมะ เป็นสัตว์สองเท้า มีขนคล้ายลิง อาศัยอยู่แถบเทือกเขาหิมาลัย ในประเทศเนปาลและทิเบต เยติ เป็นสัตว์ที่มีความว่องไว คณะผู้เดินทางหลายกลุ่มมีการวางแผนพยายามติดตามเหล่าเยติ แต่ก็ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ จะพบก็แต่เพียงรอยเท้า และร่องรอยบางอย่างซึ่งสงสัยกันว่าน่าจะเป็นหนังศีรษะ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเหล่า เยติ ยังมีชีวิตอยู่ หรือสูญพันธุ์ไปแล้ว คาดเดากันไปว่าสาเหตุที่ไม่พบ เยติ ที่เทือกเขาหิมาลัย อาจเพราะความสูง สภาพอากาศที่หนาวเหน็บ ปราศจากอาหารประทังชีวิต จึงทำให้กลุ่ม เยติ ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น 

2. ความลึกลับ แห่ง Gterma
 

Gterma เป็นแบบแผนแห่ง ทิเบต ที่ถูกขุดค้นอีกครั้ง หลังจากถูกซุกซ่อนโดยพระทิเบตเมื่อครั้งหมดศรัทธาในศาสนา Gterma ได้แก่ การอ่านหนังสือธรรมะ การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการใฝ่รู้ทางศาสนา ซึ่งอย่างหลังเป็นสิ่งที่มีมนต์ขลังมากที่สุดเพราะนั่นหมายความถึงการมี Gterma ฝังลึกลงไปในจิตวิญญาณ เมื่อใดที่กายพร้อม ใจพร้อม จะเป็นตัวกำหนดแรงบันดาลใจลึกลับ แม้คนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก็สามารถเขียนพระไตรปิฎกขึ้นได้อย่างอัศจรรย์ 

3. ความลึกลับ แห่ง ชัมบาลา
 

ชัมบาลา (Shambhala) หรือ แชงกรีลา (Shangri-La) ในภาษา ทิเบต หมายถึง ดินแดนอันบริสุทธิ์ เป็นตำนานลึกลับของโลกแห่งพุทธศาสนา ต้นกำเนิดของการสอน Kalachakra ในหนังสือประวัติศาสตร์ ทิเบตได้มีการบันทึกเรื่องราวของ ชัมบาลา ไว้มากมาย แต่นักวิชาการทางพุทธศาสนาก็ยังตั้งข้อกังขาว่าแท้จริงแล้วชัมบาลา นั้นมีอยู่จริงหรือเป็นเพียงแดนสวรรค์ในนิยาย ถือเป็นความลี้ลับที่ยังไม่มีบทสรุป 

4. ความลึกลับ แห่ง ร่างสีรุ้ง
 

ร่างสีรุ้ง ถือเป็นปรากฏการณ์ลึกลับแห่งพุทธศาสนาใน ทิเบต เป็นความเชื่อต่อกันว่า พระทิเบตผู้ซึ่งบรรลุธรรมขั้นสูงสุด เมื่อหมดลมหายใจ ร่างกายจะกลายเป็นสีรุ้ง สลายล่องลอยโดยไม่ต้องทำการฝังเหมือนศพทั่วไป 

5. ความลึกลับ แห่ง มหากาพย์ กษัตริย์ Gesar
 

เรื่องราวชีวิตของ กษัตริย์ Gesar เป็นที่รู้จักกันดีในมหากาพย์ผู้กล้าแห่ง ทิเบต และเป็นมหากาพย์แห่งชีวิตหนึ่งเดียวในโลกที่ใช้การถ่ายทอดกันปากต่อปากจากเหล่าศิลปินพื้นบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 100 ชีวิตที่อาศัยอยู่ใน ทิเบต มองโกเลีย และ จังหวัดชิงไห่ ทำหน้าที่สร้างเสียงเพลงเฉลิมฉลองความสำเร็จของกษัตริย์ Gesar ผู้กล้าหาญแห่งทิเบต หากศิลปินคนใดสามารถบอกต่อตำนานได้มากกว่าหนึ่งเรื่องราวจะถือว่าคนนั้นเป็น ศิลปินแห่งพระเจ้า ซึ่งหมายถึงเขาได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากคำของพระเจ้าและกษัตริย์ Gesar ในฝัน และจะขับขานเสียงเพลงออกมาแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ ใน ทิเบต วัยรุ่นที่ไม่รู้หนังสือสามารถบอกเล่ามหากาพย์นี้ได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อ! 

6. ความลึกลับ แห่ง ราชอาณาจักร Shangshung
 

ไม่เพียงแต่มีภาษาชางชุง ภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ยังเป็นจุดกำเนิดของศาสนาพุทธวัชรยาน (พุทธทิเบต) อีกด้วยราชอาณาจักรชางชุงมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมทั่วทิเบต อย่างไรก็ตาม การสาบสูญอย่างลึกลับได้ทิ้งปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้ไว้มากมาย

7. ความลึกลับ แห่ง ราชอาณาจักร Guge

ในช่วงกลางศตวรรษที่ 9 ราชอาณาจักร Tubo ได้ล่มสลาย ชนรุ่นหลังจึงร่วมกันก่อตั้ง ราชอาณาจักร Guge และสร้างสรรค์อารยธรรมอันงดงามภายใน 700 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1630 Guge ถูกล้มล้างอำนาจโดยลาดัคห์ ตามบันทึกประวัติศาสตร์ มีการฆ่าและการปล้นสะดมอย่างหนักในช่วงสงคราม สุดท้ายร่องรอยอารยธรรม Guge ได้เลือนหายไปในพริบตา ไร้ซึ่งเบาะแส ปัจจุบัน ราชอาณาจักร Guge ได้หลงเหลือซากปรักหักพังของสถาปัตยกรรมสุดมหัศจรรย์ ภาพวาดโบราณ และ ดวงตาสีเงิน ความลึกลับแห่ง Guge(Guge Silver Eye) ให้เราได้สัมผัส 

8. ความลึกลับ แห่ง หมอทิเบต

หมอทิเบต ในฐานะผู้บูชาศาสนาแต่แรกเริ่ม เชื่อกันว่าสามารถติดต่อกับพระเจ้าและสามารถพูดคุยกับวิญญาณได้ มีอภินิหารในการรักษาโรค นำวิญญาณที่ล่องลอยกลับสู่ร่าง เยียวยาความเจ็บป่วยของจิตวิญญาณ มนุษย์ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในต่างประเทศ หมอทิเบต ทำหน้าที่หลากหลายในสังคม เป็นทั้งหมอดู หมอรักษาโรค หมอพิธีกรรม ผู้แนะนำด้านจิตวิญญาณ สรุปง่ายๆ คล้ายๆ หมอผี เครื่องแต่งกาย เครื่องประกอบพิธีกรรม เวทมนตร์คาถา แท่นบูชา การทำนายโชคชะตา ถือเป็นเอกลักษณ์อันเป็นที่จดจำของ หมอทิเบต 

9. ความลึกลับ แห่ง เมฆรูปธง บนยอดเขาเอเวอเรสต์

ยามที่สภาพอากาศเป็นใจ เราสามารถมองเห็นเมฆรูปธงสีขาวบน ยอดเขาเอเวอเรสต์ ลมจากทิศตะวันตกจะพัดเมฆไปยังทิศตะวันออก เกิดเป็นเมฆรูปธงอยู่บนยอดเขา กระแสลมที่พัดผ่านภูเขานั้นสามารถสร้างเมฆได้ หรือแม้กระทั่งการพัดเป่าหิมะก็สามารถก่อตัวเป็นเมฆได้ บางครั้งเหมือนธงกำลังโบกสะบัดอยู่บนยอดเขา บางครั้งเหมือนคลื่นยักษ์  ท้ายสุดจะแปรสภาพเป็นเส้นควันทอดยาวสง่างาม การเปลี่ยนแปลงของ เมฆรูปธงสามารถบอกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกระแสลม จึงทำให้ เมฆรูปธง บนยอดเขาเอเวอเรสต์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ กังหันที่สูงที่สุดในโลก 

10. ความลึกลับ แห่ง หิมะสีแดง

สภาพพื้นผิวของ เทือกเขาหิมาลัย เหนือระดับ 5,000 เมตร จะระยิบระยับด้วยจุดสีแดงเลือด ซึ่งมองไกล ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนหิมะสีแดง จุดสีแดงเหล่านี้เกิดจากสาหร่ายซึ่งมีสีแดง Chlamydomonas nivalis, Chlorococcum infusionum, และสาหร่ายชนิดอื่นๆ ซึ่งจะกระจายอยู่ทั่วไปบนภูเขา โดยสามารถต้านความหนาวได้และเติบโตดีที่สุดในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เป็นที่มาของความลึกลับแห่ง หิมะสีแดง 

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับบุหรี่




บุหรี่ไม่เพียงก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้สูบเพียงอย่างเดียว หากแต่ควันบุหรี่ในบรรยากาศ ยังคงเต็มไปด้วยสารพิษอันตรายต่างๆ ที่สามารถเข้าสู่ร่างกายคนที่ไม่ได้สูบได้โดยง่าย และทำลายสุขภาพจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หายนะประเภทนี้กำลังเป็นที่น่าวิตกในสังคม ซึ่งก็คือ"ควันบุหรี่มือสอง" นั่นเอง
1. ก้นกรองบุหรี่ช่วยลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ได้
เป็นความเชื่อที่ผิด แท้จริงแล้วก้นกรองบุหรี่ไม่ได้ช่วยทำให้ร่างกายปลอดภัยขึ้น เพราะส่วนที่เป็นก้นกรองไม่สามารถสกัดสารนิโคตินหรือสารไฮโดรคาร์บอนที่อยู่ในบุหรี่ออกได้ทั้งหมด
2. บุหรี่รสอ่อนมีอันตรายน้อยกว่า
บุหรี่ชนิดที่เรียกว่า "ไลท์" และ "ไมลด์" โดยระบุว่าเป็นบุหรี่ชนิดรสอ่อนที่มีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่จากผลการวิจัยพบว่า บุหรี่ทั้งสองชนิดมิได้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาแต่อย่างใด เพียงแต่ต่างกันที่รสชาติเท่านั้น อันตรายของบุหรี่รสอ่อน คือทำให้ผู้สูบบุหรี่ง่ายขึ้น เพราะสูบแล้วไม่ระคายคอสามารถสูบได้ลึกและอัดควันอยู่ในปอดได้นานขึ้น ผลก็คือทำให้เกิดมะเร็งได้มากขึ้นด้วย
3. สูบบุหรี่ทำให้หายเครียด
แท้จริงความเครียดดังกล่าวน่าจะมาจากการที่ร่างกายต้องการได้รับสารนิโคตินทุกครั้งที่สูบบุหรี่ สารนิโคตินจะเข้าสู่รางกายโดยร้อยละ 95 จะจับอยู่ที่ปอด บางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต เมื่อใดที่ระดับของสารนิโคตินลดลงจากที่เคยมีอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนมวนบุหรี่ที่ผู้สูบต่อวัน และจะทำให้เกิดอาการขาดสารนิโคติน คือกระวนกระวาย หงุดหงิด ขาดสมาธิ มึนศีรษะ เหม่อลอย บางคนนอนไม่หลับ และบางคนมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ถ้าผู้สูบบุหรี่ไม่มีความตั้งใจแน่วแน่ในการเลิกสูบก็จะหวนกลับไปสูบอีกเพื่อระงับอาการเหล่านี้
4. ถ้าหยุดสูบทันทีจะทำให้ป่วย
ในผู้ที่หยุดสูบบุหรี่มักจะถูกตรวจพบว่าเป็นโรคต่างๆ มากที่สุด ภายในปีแรกที่เลิกสูบบุหรี่ ที่เป็นเช่นนี้เพราะความจริงที่ว่า โรคต่างๆ ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่ผู้สูบจะหยุดสูบบุหรี่ได้ และแม้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่ได้ โรคที่เป็นอยู่แล้วมักจะแสดงออกภายหลังจากที่เลิกสูบบุหรี่ จึงทำให้เข้าใจผิดว่าป่วยเพราะการหยุดสูบบุหรี่ และทำให้เลิกสูบบุหรี่ไม่สำเร็จ
5. ยาเส้นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ซอง
สถานการณ์การบริโภคบุหรี่มวนเอง (ยาเส้น) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาจเนื่องจากราคาถูกกว่าบุหรี่ซองหลายเท่า แต่ผลที่เกิดขึ้น พบว่ามีอันตรายเหมือนกันทุกอย่าง คือ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง หลอดเลือดหัวใจอุดตันและทำให้เกิดมะเร็งปอด มะเร็งในช่องปาก ซึ่งสรุปว่าบุหรี่ทั้ง 2 ชนิดมีโทษและพิษภัยต่อระบบทางเดินหายใจไม่ต่างกัน
6. การสูบบุหรี่ทำให้มีความมั่นใจ
สาเหตุที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ติดบุหรี่ ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดความมั่นใจในตนเอง ทันทีที่สูบบุหรี่เข้าไป สารนิโคตินจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเดือดและสมองอย่างรวดเร็ว แทบไม่ถึง 10 วินาที จากนั้นสารนิโคตินจะกระตุ้นการหลั่งของสารโดปามีน (Dopamine) จากต่อมไร้ท่อใต้สมองและเพิ่มการหลั่งสารนอร์อีพิเนฟฟริน (Norepinephrine) ซึ่งมีผลทำให้เกิดการตื่นตัวและมีพลัง จึงอยากจะสูบบุหรี่ไปเรื่อยๆ และทำให้ติดบุหรี่ในที่สุด
7. การสูบบุหรี่เป็นเรื่องปกติของคนธรรมดาทั่วไป
ที่ผ่านมาสังคมยังไม่ตระหนักถึงผลเสียของการสูบบุหรี่มากนัก จึงทำให้มีผู้สูบบุหรี่ให้เห็นทั่วไปจนชินตา หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะสูบบุหรี่ แต่ในปัจจุบันมีผลการศึกษาออกมายืนยันแล้วว่าการสูบบุหรี่และยาสูบอื่นๆ เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้สูบและผู้ไม่สูบที่อยู่ใกล้ชิด ทำให้เกิดโรคและผลกระทบต่างๆ ต่อร่างกาย และนำมาซึ่งการเสียชีวิตทั้งที่สามารถและป้องกันได้
8. สูบซิการ์ปลอดภัยกว่าบุหรี่
น้อยคนที่จะรู้ว่าการสูบซิการ์เป็นอันตรายยิ่งกว่าการสูบบุหรี่เสียอีก เพราะในซิการ์มาตรฐานหนึ่งออนซ์ให้สารทาร์มากกว่าบุหรี่ 1 มวนถึง 7 เท่า ให้ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์มากกว่า 11 เท่า และให้สารนิโคตินมากกว่าถึง 4 เท่า
9. การสูบบุหรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล
เป็นความจริงที่ว่าการสูบบุหรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เนื่องจากการสูบบุหรี่ก่อให้เกิดโรคมากมาย ทั้งต่อผู้สูบเองและผู้ใกล้ชิด รวมถึงเป็นสาเหตุของการป่วยและเสียชีวิตที่ป้องกันได้ องค์การอนามัยโลดจึงขอให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้เรื่องของโทษและพิษภัยบุหรี่ให้มากขึ้นเพื่อทำให้ประชาชนสูบบุหรี่น้องลง
ที่มา : หนังสือบุหรี่ภัยร้ายทำลายคุณ โดย เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

การบ้าน ปฏิบัติการที่ 6 SQL


การบ้าน ปฏิบัติการที่ 6 SQL


       h .   จากข้อ e เมื่อแปลออกมาเป็นภาษามนุษย์จะได้ว่า “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  อาจารย์ที่ปรึกษา และชั้น จากตารางนักเรียน (student) โดยมีเงื่อนไขคือเป็นเป็นนิสิตชั้นปีที่ 2  ให้ลองแปลข้อ f ออกมาเป็นภาษาคำถามของมนุษย์
       จากข้อ f  จะได้ว่า   SELECT   Studentid,Name,Advisor,class,hobby 
                                      FROM  student
                              WHERE hobby LIKE 'อ่านหนังสือ' ;





 i .ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์ทั้งหมดจากตารางรายวิชา (subject) ”
SELECT *
FROM subject;





 j.       ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL  ตามที่ถาม“ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) 
SELECT subjectid,name,credit
FROM subject;







k       k.       ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไข คือต้องแสดงเฉพาะรายวิชา  104111”
SELECT subjectid,name,credit
FROM subject
WHERE   subjectid = 104111;




      O . จากข้อ m เมื่อแปลออกมาเป็นภาษาคำถามมนุษย์จะได้ว่า “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน เกรด  และชื่อรายวิชา จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน  (Register)  และรายวิชา(Subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะนิสิตรหัส  49000002 เท่านั้น”  ให้ลองแปลข้อ n ออกมาเป็นภาษาคำถามมนุษย์
จากข้อ n  จะได้ว่า 
      SELECT Student.Studentid,Student.Name, Register.Score,Register.Grade ,Subject.Name
FROM Register, Student,Subject
WHERE (Register.Studentid = Student.Studentid) And (Register.Subjectid = Subject.Subjectid AND Register.Subjectid = 104111);









     
     p.   ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน  (Register)  และรายวิชา(Subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะรายวิชารหัส 104111  เท่านั้น  และนิสิตอยู่ในชมรมภูมิศาสตร์เท่านั้น
SELECT Student.Studentid,Student.Name, Register.Score,Register.Grade ,Subject.Name
FROM Register, Student,Subject
WHERE (Register.Studentid = Student.Studentid) AND (Register.Subjectid = Subject.Subjectid AND Register.Subjectid = 104111) AND Student.club = 'ภูมิศาสตร์'