วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข้อดีเเละข้อเสียของการกินอาหาร รสเผ็ดจัด


ความเผ็ดของพริกมาจากสารชื่อ "แคป ไซซิน" พริกยังมีสารสำคัญอีกหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ ธาตุเหล็ก และแคลเซียม    คนที่กินพริกนานๆ จะทำให้ติดเผ็ด จากงานวิจัยที่ผ่านมา พบว่า คนไทยกินพริกมากที่สุดเฉลี่ย 5 กรัมต่อวัน หรือ ประมาณ 1 ช้อนชา  

          ประโยชน์ของพริกมีหลายอย่าง
เช่น ช่วยเพิ่มสารแห่ง ความสุข คือ เอ็นโดรฟิน บรรเทาอาการ เจ็บปวด บรรเทา อาการไข้หวัด ลดน้ำมูก ลดปริมาณคอเรสเตอรอลจากงานวิจัยของญี่ปุ่น พบว่า พริกช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญ มีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก ขณะเดียวกันยังช่วยละลายเสมหะที่เหนียวข้นให้จางลง ช่วยให้ขับเสมหะออกมาได้ง่าย สำหรับผู้ป่วยหอบหืด พริกจะช่วยทำให้หลอดลมขยายตัวได้ดี ไม่หดเกร็ง ดังนั้นคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืดกินพริกจะดี 

          การกินพริก ยังช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้แก่
คือ อินซูลิน มีรายงานว่า 30 นาทีหลังกินพริก อินซูลินจะไม่ขึ้นเลย พออินซูลินไม่ขึ้น ก็จะไม่ทำให้รู้สึกอยากหวาน นอกจากนี้วิตามินซีในพริก ยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคมะเร็ง จากผลการวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่า พริกยังช่วยในการสลายลิ่มเลือดด้วย  

          นอกจากการบริโภคแล้ว พริกยังถูกนำมาทำเป็นเจล ใช้ทารักษาผิวหนังอักเสบ แก้ปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว เข่าอักเสบ เริม หรืองูสวัด  


          ส่วนที่หลายคนมีความเชื่อว่าการกินพริกมากๆ หรือ รับประทานอาหารรสเผ็ดจัด จะทำให้
เป็นโรคกระเพาะอาหารนั้น นพ.กฤษดา บอกว่าสารในพริกมีฤทธิ์เป็นกรดก็จริง แต่พริก ไม่ได้
ให้ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร น่าจะมาจากการกินอาหาร
มันๆ มากกว่า เช่น ข้าวขาหมู กว่าจะย่อยต้องใช้เวลา 2-3 ชม. ทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร  แต่การกินอาหารเผ็ดจัด อาจทำให้เกิดอาการ เหมือนคนเป็นโรคกระเพาะอาหาร เพราะสารในพริกซึ่งเป็นกรด จะไปทำให้หลอดอาหารหดเกร็ง ทำให้รู้สึกจุกแน่นลิ้นปี่ 

          กรณีที่กินอาหารเผ็ดมากๆ วิธีแก้
คือ ต้องกินอาหารที่มันๆ เพราะสารแคปไซซิน จะละลายได้ดีในไขมัน แต่ละลายในน้ำได้
เพียงเล็กน้อย การดื่มน้ำเย็นจะไม่ช่วยทำให้หายเผ็ด ถ้าจะแก้เผ็ดต้องดื่มนม หรือ ไอศกรีม ทั้งนี้
 ถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ใช้ความมันจากกะทิมาดับเผ็ด เห็นได้จากการทำแกงเขียวหวาน
หรือแกงต่าง ๆ ที่ใส่กะทิ  

          ข้อควรระวัง
คือ ในคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาหารรสเผ็ดจัด จะยิ่ง
ทำให้กรดไปกัดแผลในกระเพาะอาหาร ส่วนเด็กและคนแก่ ที่สำลักง่าย ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน
เพราะถ้าสำลักเข้าหลอดลม กรดอาจจะไปกัดหลอดลม ทำให้เกิดปัญหาหลอดลมหดเกร็ง ตีบ
บวม หายใจไม่ออกได้  



   สรุปว่า การกินอาหารเผ็ด ๆ มีแต่ข้อดี แทบจะไม่มีข้อเสีย แต่ก็ควรระวังพริกป่น พริกซอ
ที่อาจมีสารอะฟลาทอกซิน เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โรงแรมแปลกๆ แหวกแนว ที่สุดในโลก



โรงแรมแปลกๆ ด๊อก บาร์ก อินน์

"ด๊อก บาร์ก อินน์" หรือโรงแรมหมาเห่าในไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา โดยภายในตัวสุนัขพันธุ์บีเกิลตัวใหญ่ที่สุดในโลกปรกอบด้วยห้อง 2 ห้องเชื่อมกัน ห้องหนึ่งมีเตียงขนาดควีนไซส์ ขณะที่อีกห้องมีบันไดไปห้องใต้หลังคาที่มีที่นอนแบบญี่ปุ่น 2 หลัง


 ภาพและรายละเอียดจากเว็บไซต์ดิเอจ

โรงแรมแปลก แอริโอ จังเกิล ทาวเวอร์

 "แอริโอ จังเกิล ทาวเวอร์" ในประเทศบราซิล เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่กลางป่าที่ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม รีสอร์ทแห่งนี้ประกอบด้วยหอสูง 8 หลังมีทั้งหมด 268 ห้อง สร้างอยู่บนยอดไม้ในป่าริมฝั่งแม่น้ำริโอเนโกร ที่น่าตื่นตาก็คือ ทางเดินขนาด 8 กิโลเมตร

โรงแรมแปลก อิมพีเรียล โบ๊ท เฮาส์ โฮเทล

"อิมพีเรียล โบ๊ท เฮาส์ โฮเทล" โรงแรมเรือบนเกาะสมุยของไทย คงไม่มีไครคาดคิดว่าจะได้พบความสะดวกสบายแบบระดับ 5 ดาวบนเรือขนข้าวสาร แต่โรงแรมนี้ได้แปลงสภาพเรือไม้สักจำนวน 34 ลำให้กลายเป็นห้องพักสุดหรูได้อย่างน่าประทับ

โรงแรมแปลก ฮูวาเฟน ฟิวชิ

 "ฮูวาเฟน ฟิวชิ" บนเกาะมัลดิฟส์ เป็นรีสอร์ทที่ได้รับการโหวตให้เป็นรีสอร์ทริมชายหาดที่สวยที่ดีที่ในโลกจากคู่มือนำเที่ยว ฮาร์เปอร์บาซาร์ทราเวลไกด์ เมื่อปีที่แล้ว ฮูวาเฟน ฟิวชิตั้งอยู่เกาะวงแหวนที่เกิดจากหินปะการังบนมหาสมุทรอินเดีย

โรงแรมแปลก ทีแฟคทอรี

"ทีแฟคทอรี" ประเทศศรีลังกา บนเนื้อที่ 25 เอเคอร์ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,200 เมตร ท่ามกลางม่านหมอกของภูเขาในแคว้นนิววาราอีลิยาของศรีลังกา ให้บรรยากาศแบบอาณานิคมกว่า 200 ปีก่อนที่ศรีลังกาตกอยู่ภายใต้อังกฤษ และมีวัฒนธรรมการปลูกและเกี่ยวเกี่ยวชา

ปราสาทมาลเมซงในเมืองอ๊อกฟอร์ด  

ปราสาทมาลเมซงในเมืองอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ใครที่ปรารถนาจะลองใช้ชีวิตแบบคนคุก ต้องมาโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสต์ยอ้นกลับไปถึงปี 1071 ปราสาทแห่งนี้ถูกใช้เป็นคุกในสมัยวิคตอเรียจนกระทั่งปิดไปเมื่อปี 1996 โดยคุกใต้ดินกรงเหล็ก 2 ชั้น พร้อมด้วยประตูไม้หนา 7.5 เซ็นติเมตรยังคงอยู่ และเปิดให้แขกเข้าพักได้

ปราสาทมาลเมซงในเมืองอ๊อกฟอร์ด

ที่ปราสาทมาลเมซง แขกสามารถเข้าไปและขังตัวเองได้เพื่อความสนุก หรือเพื่อถ่ายรูป ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัว"เมื่อประพฤติตัวดี"

โรงแรมแปลก โฮเทลเดอกลาส  

"โฮเทลเดอกลาส" ในควิเบ็ก ประเทศแคนาดา แฟนเอเอสทีวีคงคุ้นเคยกับโรงแรมประเภทนี้มาบ้างแล้ว โรงแรมนี้เป็นโรงแรมน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสเตแคทเธอรีน เดอลาฌาคส์ ห่างจากเมืองควิเบ็ก 35 กิโลเมตร มีห้องพัก 34 ห้องเปิดบริการในช่วงเวลาอันหนาวเหน็บจาก 4 มกราคม-4 เมษายน ปีหน้า(2010)

โรงแรมแปลก โฮเทลเดอกลาส

โรงแรมแห่งหนี้สร้างจากน้ำแข็งทั้งหมด มีค่าเฟ่น้ำแข็ง วิหารน้ำแข็งเพื่องานวิวาห์ บาร์น้ำแข็งที่เสิร์ฟเครื่องดื่มจากแก้วที่แกะสลักขึ้นจากน้ำแข็ง ขณะที่แขกจะได้นอนในถุงนอนบนเตียงน้ำแข็ง

ซิลเคน ปูเอตรา อเมริกา

"ซิลเคน ปูเอตรา อเมริกา" ในกรุงมาดริด สเปน โรงแรมอันมีเอกลักษณ์เฉาะตัวได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชื่อดัง 18 คนจากทั่วโลก รวมถึง ยูชิดา ฟินเลย์, ซา ฮาดิด,อราตา อิโซไซ,นอร์แมน ฟอสเตอร์, ฌอง นูแวล และจอน พอว์สัน

อัมมาฮา เดสเสิร์ท รีสอร์ท แอนด์สปา

"อัมมาฮา เดสเสิร์ท รีสอร์ท แอนด์สปา" รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งอยู่กลางทะลทรายนอกเมืองดูไบ รีสอร์ทแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตของชาวเบดูอินที่อาศัยอยู่ตามกระโจมในทะเลทราย

กามิซารู เคฟ โฮเทล

"กามิซารู เคฟ โฮเทล" ตั้งอยู่ในเมืองแคปปาโดเซีย ประเทศตุรกี โรงแรมที่หน้าบนหน้าผาเลียนแบบที่อยู่อาศัยอย่างสันโดษของบาทหลวงในอาณาจักรไบเซนไทน์ที่มีอายุราว 1,000 ปี "โรงแรมของคนถ้ำ" แต่ประกอบด้วยห้องพัก 25 ห้องที่มีอ่างอาบน้ำหินอ่อน รวมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทันสมัยอื่นๆ แต่เพื่อให้ได้ความรู้สึก "สงบสุขทางจิตวิญญาณ"

กามิซารู เคฟ โฮเทล  

ภายในโรงแรมถ้ำ ซึ่งมีโบสถ์ตั้งอยู่ไม่ห่างออกไป รวงทั้งชุมชนชาวอนาโตเลียที่เจาะหินภูเขาไฟมาเป็นบ้าน

กามิซารู เคฟ โฮเทล 

"กามิซารู เคฟ โฮเทล" สุดยอดของความแหวกแนว

หิ่งห้อยมีแสงได้อย่างไร




หิ่งห้อย เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่สามารถผลิตแสงได้ด้วยตนเอง พบเห็นได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย มีขนาดตั้งแต่ 2 มิลลิเมตร ไปจนถึง 10 เซนติเมตร สีของแสงหิ่งห้อยที่พบในไทยจะเป็นสีเหลืองและน้ำตาล มันมีอายุขัยประมาณ 1 เดือน แสงที่หิ่งห้อยเปล่งออกมาเป็นพลังงานแสงร้อยละ 90 อีกร้อยละ 10 เป็นพลังงานความร้อน
การที่หิ่งห้อยเรืองแสงได้ เพราะเซลส์จากอวัยวะการสร้างแสงของหิ่งห้อยจะผลิตสารสีขาวที่ชื่อว่า ลูซิเฟอริน (Luciferin)
จากนั้นหิ่งห้อยจะควบคุมการเปล่งแสง โดยบังคับอากาศที่ได้จากการหายใจเข้าไป เมื่ออ๊อกซิเจนในอากาศสัมผัสกับสารลูซิเฟอริน และทำปฏิกิริยากับเอมไซม์ชื่อ Luciferase หิ่งห้อยก็จะปล่อยพลังงานออกมาเป็นแสงได้ ฉะนั้นแสงจะสว่างหรือดับจึงขึ้นอยู่กับการหายใจของหิ่งห้อยนั่นเอง
หิ่งห้อยไม่ได้เปล่งแสงเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการส่งสัญญาณเพื่อการหาคู่ ซึ่งหิ่งห้อยแต่ละชนิดจะมีจังหวะการกระพริบแสงที่แตกต่างกัน ฉะนั้นหิ่งห้อยแต่ละชนิดจึงจดจำการกระพริบแสงของพวกเดียวกันได้ จึงทำให้เกิดการผสมพันธุ์ที่ถูกกับชนิดของหิ่งห้อยนั้น ๆ
“หิ่งห้อย” เป็นแมลงปีกแข็งขนาดเล็กอาศัยอยู่ตามใบไม้ เมื่อผสมพันธ์แล้วจะวางไข่ฟองเดี่ยวตามดิน หรือที่ชื้นแฉะ ไข่ฟักเป็นตัวหนอนมี 4-5 วัน เข้าดักแด้ และเป็นตัวเต็มวัย หิ่งห้อยมีชีวิตอยู่ 3-12 เดือน แล้วแต่ละชนิด หิ่งห้อยก็จะกะพริบแสงเพื่อสื่อหาคู่ของมันมาผสมพันธ์ แสงของหิ่งห้อยเกิดจากกระบวนการทางเคมี ซึ่งมีสารลูวิเฟอรินทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เช่น ปฏิกิริยาลูซิเฟอเรส และได้รับพลังงาน เอทีพี เป็นโปรตีนที่ให้พลังงานในเซลล์ หิ่งห้อยชอบอกหากินในเวลากลางคืน โดยบริเวณที่มีน้ำที่สะอาด และบริเวณป่าโกงกางป่าชายฝั่งทะเล และต้นลำพู ตัวหนอนของหิ่งห้อยอาศัยอยู่ในน้ำที่สะอาด หิ่งห้อยนี้ยังสามารถบอกความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศได้ด้วย หิ่งห้อยเรืองแสงได้ทั้งตัวผู้และตัวเมีย หิ่งห้อยกินสัตว์เล็กๆ เป็นอาหาร แสงของหิ่งห้อยมีสีเขียวเหลือง หิ่งห้อยที่บินว่อนตามพุ่มไม้เป็นหิ่งห้อยตัวผู้ ตัวเมียชอบเกาะนิ่งตามกิ่งไม้ใบไม้ ในยามกลางวันมันจะไม่กะพริบแสงเลย แต่เมื่อถึงเวลาโพล้เพล้มันก็จะเริ่มโชว์ตัว และมันจะกระทำกิจกรรมกะพริบแสงทุก 24 ชั่วโมง เสมือนมันมีนาฬิกาใจในตัว
เพราะเวลาเรานำหิ่งห้อยมาขังในห้องมืดที่แสงสว่างไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้เลย เราก็จะเห็นว่าในทุก 24 ชั่วโมง มันจะกะพริบแสงทั้งๆ ที่มันไม่รู้เลยว่า ขณะนั้นเป็นเวลาอะไร เราจะเห็นได้ว่าเวลาที่หิ่งห้อยกะพริบแสงนั้น จะกะพริบพร้อมๆ กันแต่ถ้าเราแยกหิ่งห้อยออกจากกลุ่ม จะสังเกตเห็นการกะพริบแสงของหิ่งห้อยแตกต่างกันไป เพราะถ้าหิ่งห้อยอยู่ในฝูงของมันหิ่งห้อยจะมีการปรับตัวเอง โดยการกะพริบแสงที่เหมือนกัน แล้วหิ่งห้อยยังสามารถบอกถึงฤดูกาลได้อีกด้วย ยามหิ่งห้อยออกหากินคือยามโพล้เพล้แล้วพระอาทิตย์ตกดินเล็กน้อย หรือในคืนข้างแรม เราจะพบว่ามันกะพริบแสงเหมือนไฟต้นคริสต์มาส มนุษย์รู้จักหิ่งห้อยมา 2000 ปี มาแล้ว คนจีนโบราณและชาวบราซิลในอดีตจะจับหิ่งห้อยใส่ขวดแก้ว เพื่อนใช้แทนตะเกียง ต้องใช้หิ่งห้อยโตเต็มที่เพียง 6 ตัว ให้แสงสว่างก็เพียงพอสำหรับอ่านหนังสือในเวลากลางคืนได้ คนญี่ปุ่นก็นิยมใช้ตะเกียงหิ่งห้อยเช่นกัน ทุกวันเราจะพบหิ่งห้อยที่เอเชียตอนใต้ เช่น ไทย พม่า มาเลเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และใต้ ในโลกเรามีหิ่งห้อยราว 2000 ชนิด ลำตัวหิ่งห้อย ยาว 2-25 มิลลิเมตร
แหล่งที่อยู่อาศัย
เนื่องจากหิ่งห้อย มักจะออกหากินในเวลากลางคืน และหลบซ่อนตัวในเวลากลางวัน ส่วนใหญ่หิ่งห้อยอาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ หรือตามพื้นที่ชุ่มชื้นใกล้หนองน้ำ หรือลำธารที่มีน้ำใสสะอาด และที่สำคัญตรงนั้นต้องเป็นน้ำนิ่ง ตลอดจนบริเวณป่าโกงกาง ชายฝั่งทะเล ในระยะตัวเต็มวัยหิ่งห้อยมักเกาะอยู่ตามต้นลำพู และต้นลำแพนโพทะเล ต้นฝาก ต้นแสม ต้นสาคู และต้นเหงือกปลาหมอ โดยเฉพะป่าชายเลน ที่มีแหล่งอาหารสมบูรณ์ ชาวบ้านมักจะเรียกต้นไม้ที่มีหิ่งห้อยเกาะว่า “โกงกางหิ่งห้อย ” หิ่งห้อยที่เราเห็นบินว่อนตามพุ่มไม้ส่วนใหญ่มักเป็นตัวผู้ ส่วนหิ่งห้อยตัวเมียนั้น ชอบเกาะนิ่งตามกิ่งไม้
จากการที่หิ่งห้อย ชอบอาศัยตามแหล่งน้ำที่สะอาด ในช่วงวัยที่เป็นหนอนหิ่งห้อย ทำให้หิ่งห้อยเป็นตัวที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ หรือ เสื่อมโทรมของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี



10 อันดับชุดสังฆทานที่พระจะได้ประโยชน์มากที่สุด

สำหรับคนชอบทำบุญคะ
1. เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ เนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรม และจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำ บางรูปท่านเป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องใช้มาก แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้ พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ หากเราถวายไป พระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอนค่ะ อันดับ 1 จึงตกเป็นของ ' เครื่องเขียน ' 

2. ใบมีดโกนตราขนนก ( Feather) หรือยี่ห้อ Gillette ยิลเลตต์ 
เนื่องจากพระต้องโกนผมทุกวันโกน แต่ใบมีดยี่ห้ออื่น พระใช้โกนผมแล้วเลือดสาด !!! ท่านจึงใช้ได้แค่ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น อนึ่ง ใบมีดตราขนนกจะคมกว่ายินเลส ใช้ในการโกนครั้งแรก ส่วนยิลเลตต์จะใช้เก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง หากท่านใดถวายใบมีด ก็ได้ชื่อว่า ช่วยไม่ให้พระต้องเสียเลือดเนื้อทุกวันโกน ข้าพเจ้าเห็นว่าได้บุญดีกว่าให้ยาอีกนะท่าน 

3. ผ้าไตรจีวร ที่มีความยาวพอที่จ ะนุ่งห่มได้ มีความหนาพอเหมาะสม 
เพราะผ้าที่ติดมากับถังเหลือง มันทั้งสั้น ทั้งเต่อ ทั้งบาง ทำให้พระท่านลำบากใจเวลาสวมใส่ ขาดความมั่นใจ และเสียภาพลักษณ์ที่ดีของสงฆ์ ผู้ใดถวายผ้าไตรจีวร จึงได้อานิสงส์มากนัก นี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว เตรียมผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระกันเถอะนะคะ 

4. หนังสือธรรมะ สารคดี นิตยสาร หรือที่ให้ความรู้ด้านอื่นๆ เนื่องจากพระสงฆ์ มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่แตกฉาน ทั้งทางธรรม และรู้ทันข่าวสารบ้านเม ือง เพื่อจะได้สาธิตยกตัวอย่างให้ชาวบ้านเข้าใจได้แจ่มแจ้ง การถวายหนังสือเหล่านี้ จึงถือเป็นต้นทุนแห่งธรรมทาน ให้พระท่านได้นำไปต่อยอด กระจายสู่ผู้คนได้อีกมาก ทั้งยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แถมได้ผลตอบแทนสูง น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง 

5. รองเท้า ( ยกเว้นพระนิกายธรรมยุตต์นะจ๊ะ สังเกตให้ดีล่ะว่าวัดที่เราไป พระท่านใส่รองเท้ากันหรือเปล่า) พระท่านต้องเดินบิณฑบาตร , ธุดงค์ , ไปเรียนหนังสือ , ไปกิจนิมนต์ตามที่ต่างๆ , บางรูปต้องทำงานที่ใช้แรงงานในวัด เช่น ก่อสร้าง ทำสวน สิ่งที่ต้องรับภาระหนักก็คือ ' รองเท้า ' ที่มักจะขาด เสียหาย อยู่บ่อยๆ นั่นเอง รองเท้าจึงถือเป็นอีก item หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างสูง 

6. ยาหลักๆ ที่จำเป็น ยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ยาแก้ไอ แก้ไข้ ลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาใส่แผลสด แผลเปื่อย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง เป็นหนอง ผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง 

7. ผ้าขนหนูสีสุภาพ ไม่ต้องสีเหลืองก็ได้ เพราะผ้าขนหนูที่ติดมากับถังเหลืองมักหยาบ เล็ก และคุณภาพต่ำ จนเอามาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง 

8. ชุดคอมพิวเตอร์ อู้วววว ไฮโซไปนิด นึง แต่ถ้าใครรวบรวมเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างกฐิน ผ้าป่า ก็น่าพิจารณาถวายคอมพิวเตอร์แด่วัดที่ขาดแคลน .. ถ้าเป็นวัดที่อินเตอร์เน็ตเข้าไม่ถึงจะดีมากๆ ค่ะ 

9. น้ำยาเช็ดพื้น เหอ... งงไปเลย พระท่านจะเอาน้ำยาเช็ดพื้น ไปทำอะไร ?? เฉลย ก็เอาไปผสมน้ำ ถูกุฏิ ศาลา อุโบสถ ไงจ๊ะ เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงในการทำความสะอาด สลายคราบแล้ว บางยี่ห้อยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในมูลนกพิราบ ฉี่หมา ฉี่แมว ฉี่หนู เห็บ หมัด ของหมาวัดได้อีกด้วย 

10. แชมพู พระท่านไม่มีผมแล้วจะเอาแชมพูไปทำไมเนี่ย แถมยังฮอตฮิตติดท็อปเท็นของที่มีประโยชน์อีกด้วย แซงหน้าไมโล โอวัลติน ชาเขียว ขิงผง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ทิชชู่ ฯลฯ ที่เห็นสลอนอยู่ในถังเหลืองซะด้วยซี คืองี้ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะเนี่ย ทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ ก็จะเข้าถ ึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรง แถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป เพราะไม่มีผมปกคลุม ทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอ เช่น ชันตุ เป็นต้น สิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพูยา ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ รักษาสมดุล สังเกตง่ายๆ ที่ฉลากจะมีคำว่า 'Scalp' เป็นสำคัญ ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้ก็มักจะเป็นพวก แชมพูขจัดรังแคน่าเศร้าใจ ที่ไม่มีใครถวายแชมพู พระท่านจึงจำต้องใช้สบู่แก้ขัด ซึ่งทำให้ยิ่งคันหัว ศีรษะแห้งไปกันใหญ่ ดังนั้นจึงขอท่านโปรดจำไว้ ว่าเรา! ควรซื้อแชมพูไปถวายพระ แต่ก็เลือกสูตรกันนิดนึงนะคะ ให้เป็นสูตรดูแลหนังศ ีรษะ เพราะถ้าเกิดเราเลือกสูตร ' เพื่อผมนิ่มสลวยดำเงางาม ' ไปถวายท่าน... ท่านอาจเข้าใจผิด คิดว่าเราแซวได้ค่ะ 

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ฮือฮา "นาซ่า"ค้นพบ"ดาวเคราะห์คู่แฝด"ของโลก ห่างออกไป 600 ปีแสง


นักดาราศาสตร์จากนาซ่ายืนยันการมีอยู่จริงของดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายโลก ในเขตอาศัยได้ (habitable zone) หรือย่านหนึ่งในอวกาศที่ซึ่งดาวเคราะห์คล้ายโลกสามารถดำรงน้ำในสถานะของเหลวได้บนพื้นผิวและสามารถมีสิ่งมีชีวิตคล้ายกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งโคจรอยู่รอบๆดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่คล้ายๆกับดวงอาทิตย์ 






ภาพเปรียบเทียบวงโคจรของดาวเคราะห์ Kepler-22b กับระบบสุริยะของโลก





โดยดาวเคราะห์สีน้ำเงินดังกล่าวมีชื่อว่า Kepler-22b มีขนาดใหญ่กว่าโลกราว 2.4 เท่า และมีอุณหภูมิประมาณ 22 องศาเซลเซียส นี่ถือเป็นดาวเคราะห์ที่มีความคล้ายคลึงกับโลก ที่ได้รับการยืนยันว่าอยู่ใกล้โลกมากที่สุด อย่างไรก็ดี ทีมนักวิจัยยังไม่ทราบว่าดาวเคราะห์  Kepler-22b ประกอบด้วยหิน แก๊ส หรือของเหลว



รายงานยังระบุว่า ดาวเคราะห์  Kepler-22b ห่างจากโลกออกไป 600 ปีแสง โดยแต่ละปีแสงคิดเป็นระยะทางราว 944,000 กม. ดังนั้นหากเดินทางไปที่นั่นด้วยกระสวยอวกาศ อาจต้องใช้เวลานานถึง 22 ล้านปี



ดาวเคราะห์  Kepler-22b เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์จาก 54 ดวง ที่ได้รับรายงานว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับโลกมากที่สุด หรือที่เรียกกันว่า "Earth 2.0" จากการสังเกตโดยใช้กล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจากการใช้กล้องตัวอื่นๆเพื่อสังเกต



ดาวเคราะห์  Kepler-22b ตั้งอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ของมัน คิดเป็นระยะทางที่น้อยกว่าระยะทางจากโลกไปยังดวงอาทิตย์ของระบบสุริยจักรวาลราวร้อยละ 15 โดยระยะเวลาหนึ่งปีของดาวเคราะห์ดังกล่าวคาดว่ามีทั้งสิ้น 290 วัน



 



อย่างไรก็ดี ดวงอาทิตย์ดวงดังกล่าวให้แสงสว่างน้อยกว่าดวงอาทิตย์ของโลกราวร้อยละ 25 ซึ่งทำให้ดาวเคราะห์ดังกล่าวมีอุณหภูมิที่ไม่สูงเกินไป ที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่าอาจมีของเหลวอยู่บนนั้น และด้วยความดาวเคราะห์ดังกล่าวมีสีน้ำเงิน จึงอาจเป็นการบอกเป็นนัยว่า นั่นคือมีพื้นผิวที่เป็นแหล่งน้ำ สามารถดำรงชีพได้ หรือเป็นเขตเอื้ออาศัยไม่ร้อนหรือไม่หนาวเย็นจนเกินไป



ทั้งนี้ ทางนาซ่ามีการเปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมามีการค้นพบดาวดวงใหม่ ที่เปรียบเสมือนโลกแห่งใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ แต่การค้นพบดาวเคราะห์สีน้ำเงินในครั้งนี้ เป็นความหวังมากทีเดียวสำหรับมนุษย์ที่จะเห็นสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้ มันมีขนาดใหญ่ ประกอบกับมีพื้นหิน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 72 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 21 องศาเซลเซียส ซึ่งจะมีภูมิอากาศคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิ



ด้านนายอลัน บอส หนึ่งในทีมนักวิจัย จากสถาบันคาร์เนกี้ กล่าวว่าการค้นพบครั้งนี้จะถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร The Astrophysical ว่าเป็นการค้นพบครั้งแรกที่มีความเป็นไปได้ว่า มนุษย์จะสามารถอาศัยอยู่ได้ ขณะที่นายวิลเลียม บอรุคกี นักวิทยาศาสตร์หัวหน้าโครงการเคปเลอร์ กล่าวว่า เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญอีกครั้งหนึ่งในภารกิจของนาซ่าที่พยายามค้นหาดาวเคราะห์ที่มีความคล้ายคลึงโลก

ฮือฮา!'ค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ'


ชาวตลาดอ่างทองฮือฮารุมถ่ายรูป 'ค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ' สัตว์แปลกหายากใกล้สูญพันธุ์

                         21 ก.ค.55 ที่บริเวณตลาดเทศบาลเมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างยืนดูและถ่ายรูปค้างคาวประหลาดที่ติดอยู่หน้ารถกระบะ ยี่ห้อเชฟโลเรต สีน้ำตาล ทะเบียนบ้ายแดง พ-2836 กทม. ของนายสุรศักดิ์ หริ่มสืบ อายุ 37 ปี ผู้สื่อข่าวเนชั่นประจำจังหวัดอ่างทอง โดยค้างคาวดังกล่าวมีขนาดเล็กมาก น้ำหนักไม่เกิน 15 กรัม จมูกมีขนเล็กๆ ยื่นออกจากใบหน้า และงุ้มลงเล็กน้อยริมฝีปากบน ใบหูใหญ่ ขอบด้านหน้านูนเรียบ ปลายมนกลม ขอบหลังใต้ปลายใบหูนูน ติ่งใบหูสูง และแคบ ขอบหน้าค่อนข้างเว้า ขนคลุมลำตัวยาว หนาแน่น และปุย ด้านบนลำตัวสีส้มสด จนถึงสีแดงแกมน้ำตาล ที่ปีกสีส้มคาดดำ พังผืดขาสีส้มถึงสีแดง ส่วนที่ติดกับลำตัวด้านบน โคนขา และแข้งมีขน ส่วนด้านล่างไม่มีขน ขอบท้ายของพังผืดขามีขนละเอียดอ่อน ตีนมีขนเช่นกัน พังผืดปีกเชื่อมถึงโคนนิ้        นายจำรัส แก้วกันใจ อายุ 60 ปี กล่าวว่า ตนเห็นคนมามุงดูที่รถคันดังกล่าวจึงเดินมาดูก็พบว่ากำลังดูค้างคาวซึ่งตนคิดว่าเป็นค้างคาวที่แปลก และตนไม่เคยเห็นมาก่อน เกิดมาจนอายุ 60 ปี เพิ่งจะเห็นในครั้งนี้ที่เคยเป็นเป็นค้างคาวสีดำธรรมดาเท่านั้น
                         ด้านนายสุรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเช้าได้ขับรถคันดังกล่าวออกมาที่ตลาดระหว่างที่ลงจากรถได้สังเกตเห็นที่กระจังหน้ารถมีอะไรติดอยู่จึงเดินเข้าไปดูก็พบว่าเป็นค้างคาวสีส้มซึ่งก็แปลกมากเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน จากนั้นประชาชนที่มาจับจ่ายซื่อของในตลาดได้เห็นจึงเดินมาดูพร้อมกับถ่ายภาพ ซึ่งทุกคนต่างบอกว่าไม่เคยเห็นค้างคาวแบบนี้ โดยค้างคาวตัวดังกล่าวติดอยู่ที่หน้ากระจังรถที่กระดูกปีกด้านขวาหักคาดว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาระหว่างตนขับรถอยู่ค้างคาวตัวดังกล่าวได้บินมาตัดหน้ารถจึงถูกชนติดอยู่กับกระจังหน้า
                         นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากพบค้างคาวตัวดังกล่าวจึงค้นหาข้อมูล จึงพบว่าค้างคาวดังกล่าวมีชื่อว่า "ค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ" เป็นค้างคาวที่มักอาศัยอยู่ตามยอดใบกล้วยที่ม้วนเป็นหลอดหรือท่อ เมื่อยอดกล้วยแก่ขยายออกไม่ม้วนแล้วค้างคาวเหล่านี้ก็จะอพยพไปหาที่อยู่ใหม่ต่อไป นอกจากนี้ยังชอบเกาะอยู่ตามใบแห้งยอดหญ้าพงและยอดอ้อและยอดอ้อย พบเห็นอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงอินเดีย ศรีลังกา และจีนตอนใต้ อย่างไรก็ตามค้างคาวชนิดนี้ เป็นสัตว์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535



ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์แตกอีกแล้ว



 

                           ธารน้ำแข็งเพเทอร์มานน์ หนึ่งในธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ เกิดการแตกออกกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของเกาะแมนฮัตตัน

                           นักวิทยาศาสตร์ได้เฝ้าสังเกตการณ์รอยร้าวที่มีความยาว 24 กิโลเมตรของธารน้ำแข็งเพเทอร์มานน์ มาตั้งแต่ปี 2544 แล้ว กระทั่งดาวเทียมอะควา ของนาซา ที่โคจรอยู่แถบขั้วโลก จับภาพการแตกตัวออกมาอย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 16-17 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง กลายเป็นภูเขาน้ำแข็งครอบคลุมพื้นที่ 120 ตารางกิโลเมตรนักสมุทรศาสตร์กล่าวว่า การหลอมละลายของธารน้ำแข็งเกิดขึ้นที่ความลึกลงไป 600 เมตร ซึ่งน้ำอุ่นกว่าบนผิวน้ำ จึงเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถมองเห็นได้   นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้ อาจเป็นเพราะภาวะโลกร้อน แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน แม้ว่าธารน้ำแข็งทางใต้ของเกาะกรีนแลนด์จำนวนมากหลอมละลายในอัตราที่รวดเร็วอย่างผิดปกติ นอกจากนี้ จากข้อมูลยังพบว่า อาร์คติกเผชิญกับการหลอมละลายของทะเลน้ำแข็งมากเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน      แม้การแตกตัวของธารน้ำแข็งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับธารน้ำแข็งเพเทอร์มานน์ ในช่วงสองสามปีมานี้ สร้างความฉงนให้แก่ผู้เชี่ยวชาญ โดยเมื่อสองปีก่อน ธารน้ำแข็งเพเทอร์มานน์ก็แตกออกเช่นกัน กลายเป็นเกาะน้ำแข็งขนาด 250 ตารางกิโลเมตร  นักสมุทรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ นายอันเดรอัส มึนโชว์ กล่าวว่า สถิติใน 150 ปีที่มีอยู่ สะท้อนว่าเรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน กระนั้น คาดว่าภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาไม่น่าจะมีผลต่อระดับน้ำทะเล เนื่องจากมันลอยน้ำอยู่แล้วและไม่ละลาย แต่อาจจะเคลื่อนไปทางนอกชายฝั่งนิวฟาวด์แลนด์ ในประเทศแคนาดาช่วงใดช่วงหนึ่ง และอาจเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ


วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รู้หรือไม่? โลกของเรามีทั้งหมดกี่ประเทศ




โลกของเรามีกี่ประเทศ

โดยหลักเกณฑ์ทางรัฐศาสตร์ ในการกำหนดความเป็นประเทศต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง 4 ประการ ดังนี้ ดินแดน ประชากร รัฐบาล และอำนาจอธิปไตย ซึ่งทั้ง 4 องค์ประกอบนี้ต้องได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเสียก่อน จึงจะมีสถานะเป็นประเทศที่แท้จริงได้


ในปัจจุบันโลกของเรานี้มี 193 ประเทศ แยกตามทวีป ดังนี้

ทวีปเอเชีย มี 48 ประเทศ 1.อัฟกานิสถาน 2.อาร์เมเนีย 3.อาเซอร์ไบจาน 4.บาห์เรน 5.บังกลาเทศ 6.ภูฏาน 7.บรูไนดารุสซาลาม 8.กัมพูชา 9.จีน 10.ไซปรัส 11.จอร์เจีย 12.อินเดีย 13.อินโดนีเซีย 14.อิหร่าน 15.อิรัก 16.อิสราเอล 17.ญี่ปุ่น 18.จอร์แดน 19.คาซัคสถาน 20.เกาหลีเหนือ 21.เกาหลีใต้ 22.คูเวต 23.ตีร์กีซสถาน 24.ลาว 25.เลบานอน 26.มาเลเซีย 27.มัลดีฟส์ 28.มองโกเลีย 29.พม่า 30.เนปาล 31.โอมาน
32.ปากีสถาน 33.ฟิลิปปินส์ 34.กาตาร์ 35.ซาอุดีอาระเบีย 36.สิงคโปร์ 37.ศรีลังกา 38.ซีเรีย 39.ทาจิกิสถาน 40.ไทย 41.ตุรกี 42.เติร์กเมนิสถาน 43.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 44.อุซเบกิสถาน 45.เวียดนาม 46.เยเมน 47.ติมอร์เลสเต และ 48.ไต้หวัน (แต่สหประชาชาติไม่รับรองเป็นประเทศ)


ทวีปออสเตรเลียและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มี 14 ประเทศ
 1.ออสเตรเลีย 2.ฟิจิ 3.คิริบาตี 4.หมู่เกาะมาร์แชลล์ 5.ไมโครนีเซีย 6.นาอูรู 7.นิวซีแลนด์ 8.ปาเลา 9.ปาปัวนิวกีนี 10.ซามัว 11.หมู่เกาะโซโลมอน 12.ตองกา 13. ตูวาลู 14.วานูอาตู

ทวีปยุโรป มี 43 ประเทศ 1.แอลเบเนีย 2.อันดอร์รา 3.ออสเตรีย 4.เบลารุส 5.เบลเยียม 6.บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 7.บัลแกเรีย 8.โครเอเชีย 9.เช็ก 10.เดนมาร์ก 11.เอสโตเนีย 12.ฟินแลนด์ 13.ฝรั่งเศส 14.เยอรมนี 15.กรีซ 16.ฮังการี 17.ไอซ์แลนด์ 18.ไอร์แลนด์ 19.อิตาลี 20.ลัตเวีย 21.ลิกเตนสไตน์ 22.ลิทัวเนีย 23.ลักเซมเบิร์ก 24.มาซิโดเนีย 25.มอลตา 26.มอลโดวา 27.โมนาโก 28.เนเธอร์แลนด์ 29.นอร์เวย์ 30.โปแลนด์ 31.โปรตุเกส 32.โรมาเนีย 33.รัสเซีย 34.ซานมารีโน 35.สโลวะเกีย 36.สโลวีเนีย 37.สเปน 38.สวีเดน 39.สวิตเซอร์แลนด์ 40.ยูเครน 41.สหราชอาณาจักร 42.นครรัฐวาติกัน 43.เซอร์เบียและมอนเตเนโกร

ทวีปอเมริกาเหนือ มี 22 ประเทศ 1.กัวเตมาลา 2.เกรเนดา 3.คอสตาริกา 4.คิวบา 5.แคนาดา 6.จาเมกา 7.เซนต์คิตส์และเนวิส (เซนต์คริสโตเฟอร์เนวิส) 8.เซนต์ลูเซีย 9.เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ 10.โดมินิกา 11.บาร์เบโดส 12.นิการากัว 13.บาฮามาส 14.เบลีซ 15.ปานามา 16.เม็กซิโก 17.สหรัฐอเมริกา 18.โดมินิกัน 19.เอลซัลวาดอร์ 20.แอนติกาและบาร์บูดา 21.ฮอนดูรัส 22.เฮติ

ทวีปอเมริกาใต้ มี 13 ประเทศ 1.กายอานา 2.โคลอมเบีย 3.ชิลี 4.ซูรินาเม 5.ตรินิแดดและโตเบโก 6.บราซิล 7.โบลิเวีย 8.ปารากวัย 9.เปรู 10.เวเนซุเอลา 11.อาร์เจนตินา 12.อุรุกวัย 13.เอกวาดอร์

ทวีปแอฟริกา มี 53 ประเทศ 1.กานา 2.กาบอง 3.กินิบิสเซา 4.กินี 5.แกมเบีย 6.โกตดิวัวร์ 7.คองโก 8.คอโมโรส 9.เคนยา 10.เคปเวิร์ด 11.แคเมอรูน 12.จิบูตี 13.ชาด 14.ซิมบับเว 15.ซูดาน 16.เซเชลส์ 17.เซเนกัล 18.เซาโตเมและปรินซิเป 19.เซียร์ราลีโอน 20.แซมเบีย 21.โซมาเลีย 22.ตูนิเซีย 23.โตโก 24.แทนซาเนีย 25.นามิเบีย 26.ไนจีเรีย 27.ไนเจอร์ 28.บอตสวานา 29.บุรุนดี 30.บูร์กินาฟาโซ 31.เบนิน 32.มอริเซียส 33.มอริเตเนีย
34.มาดากัสการ์ 35.มาลาวี 36.มาลี 37.โมซัมบิก 38.โมร็อกโก 39.ยูกันดา 40.รวันดา 41.ลิเบีย 42.เลโซโท 43.ไลบีเรีย 44.สวาซิแลนด์ 45.คองโก 46.แอฟริกากลาง 47.อิเควทอเรียลกินี 48.อียิปต์ 49.เอธิโอเปีย 50.เอริเทรีย 51.แองโกลา 52.แอฟริกาใต้ 53.แอลจีเรีย

**********

ในปัจจุบันมีประเทศที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากนานาชาติ ทั้งหมด 193 ประเทศ และมีดินแดนที่พยายามจะประกาศเป็นประเทศแต่ถูกคัดค้านจากประเทศอื่น อีก 10 ดินแดน มีรายชื่อดังนี้


รายชื่อประเทศที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากนานาชาติ *

1 Afghanistan (Kabul) (AS)

2 Albania (Tirane) (EU)

3 Algeria (Algers) (AF)

4 Andorra (Andorra la Vella) (EU)

5 Angola (Luanda) (AF)

6 Antigua and Barbuda (Saint John's) (NA)

7 Argentina (Buenos Aires) (SA)

8 Armenia (Yerevan) (AS, EU)

9 Australia (Canberra) (AU)

10 Austria (Vienna) (EU)

11 Azerbaijan (Baku) (AS, EU)

12 Bahamas (Nassau) (NA)

13 Bahrain (Manama) (AS)

14 Bangladesh (Dhaka) (AS)

15 Barbados (Bridgetown) (NA)

16 Belarus (Minsk) (EU)

17 Belgium (Brussels) (EU)

18 Belize (Belmopan) (NA)

19 Benin (Port-Novo) (AF)

20 Bhutan (Thimphu) (AS)

21 Bolivia (Sucre) (SA)

22 Bosnia and Herzegovina (Sarajevo) (EU)

23 Botswana (Gaborone) (AF)

24 Brazil (Brasilia) (SA)

25 Brunei Darussalam (Bander Seri Begawan) (AS)

26 Bulgaria (Sofia) (EU)

27 Burkina Faso (Ouagadougou) (AF)

28 Burundi (Bujumbura) (AF)

29 Cambodia (Phnom Penh) (AS)

30 Cameroon (Yaounde) (AF)

31 Canada (Ottawa) (NA)

32 Cape Verde (Praia) (EU)

33 Central African Republic (Bangui) (AF)

34 Chad (N'Djamena) (AF)

35 Chile (Santiago) (SA)

36 China (Beijing) (AS)

37 Colombia (Bogota) (SA)

38 Comoros (Moroni) (AF)

39 Congo, Democratic Republic of the (Kinshasa) (AF)

40 Congo, Republic of the (Brazzaville) (AF)

41 Costa Rica (San Jose) (NA)

42 Côte d'Ivoire / Ivory Coast (Yamoussoukro) (AF)

43 Croatia (Zagreb) (EU)

44 Cuba (Havana) (NA)

45 Cyprus (Nicosia) (AS, EU)

46 Czech Republic (Prague) (EU)

47 Denmark (Copenhagen) (EU)

48 Djibouti (Djibouti) (AF)

49 Dominica (Roseau) (NA)

50 Dominican Republic (Santo Domingo) (NA)

51 Ecuador (Quito) (SA)

52 Egypt (Cairo) (AF)

53 El Salvador (San Salvador) (NA)

54 Equatorial Guinea (Malabo) (AF)

55 Eritrea (Asmara) (AF)

56 Estonia (Tallinn) (EU)

57 Ethiopia (Addis Ababa) (AF)

58 Fiji (Suva) (AU)

59 Finland (Helsinki) (EU)

60 France (Paris) (EU)

61 Gabon (Liberville) (AF)

62 Gambia (Banjul) (AF)

63 Georgia (Tbilisi) (AS, EU)

64 Germany (Berlin) (EU)

65 Ghana (Accra) (AF)

66 Greece (Athens) (EU)

67 Grenada (Saint George's) (NA)

68 Guatemala (Guatemala City) (NA)

69 Guinea (Conakry) (AF)

70 Guinea-Bissau (Bissau) (AF)

71 Guyana (Georgetown) (SA)

72 Haiti (Port-au-Prince) (NA)

73 Honduras (Tegucigalpa) (NA)

74 Hungary (Budapest) (EU)

75 Iceland (Reykjavik) (EU)

76 India (New Delhi) (AS)

77 Indonesia (Jakarta) (AS)

78 Iran (Tehran) (AS)

79 Iraq (Baghdad) (AS)

80 Ireland (Dublin) (EU)

81 Israel (Jerusalem) (AS)

82 Italy (Rome) (EU)

83 Jamaica (Kingston) (NA)

84 Japan (Tokyo) (AS)

85 Jordan (Amman) (AS)

86 Kazakstan (Astana) (AS)

87 Kenya (Nairobi) (AF)

88 Kiribati (Bairiki) (AU)

89 Korea, Democratic People's Republic of (Pyongyang) (AS)

90 Korea, Republic of (Seoul) (AS)

91 Kuwait (Kuwait City) (AS)

92 Kyrgyzstan (Bishkek) (AS)

93 Laos (Vientiane) (AS)

94 Latvia (Riga) (EU)

95 Lebanon (Beirut) (AS)

96 Lesotho (Maseru) (AF)

97 Liberia (Monrovia) (AF)

98 Libya (Tripoli) (AF)

99 Liechtenstein (Vaduz) (EU)

100 Lithuania (Vilnius) (EU)

101 Luxembourg (Luxembourg) (EU)

102 Macedonia (Skopje) (EU)

103 Madagascar (Antananarivo) (AF)

104 Malawi (Lilongwe) (AF)

105 Malaysia (Kuala Lumpur) (AS)

106 Maldives (Male) (AS)

107 Mali (Bamako) (AF)

108 Malta (Valletta) (EU)

109 Marshall Islands (Majuro) (AU)

110 Mauritania (Nouakchott) (AF)

111 Mauritius (Port Louis) (AF)

112 Mexico (Mexico City) (NA)

113 Micronesia (Palikir) (AU)

114 Moldova (Chisinau) (EU)

115 Monaco (Monaco) (EU)

116 Mongolia (Ulan Bator) (AS)

117 Montenegro (Podgorica) (EU)

118 Morocco (Rabat) (AF)

119 Mozambique (Maputo) (AF)

120 Myanmar / Burma (Yangon) (AS)

121 Namibia (Windhoek) (AF)

122 Nauru (Yaren) (AU)

123 Nepal (Kathmandu) (AS)

124 Netherlands (Amsterdam) (EU)

125 New Zealand (Wellington) (AU)

126 Nicaragua (Managua) (NA)

127 Niger (Niamey) (AF)

128 Nigeria (Abuja) (AF)

129 Norway (Oslo) (EU)

130 Oman (Muscat) (AS)

131 Pakistan (Islamabad) (AS)

132 Palau (Koror) (AU)

133 Panama (Panama City) (NA)

134 Papua New Guinea (Port Moresby) (AU)

135 Paraguay (Asuncion) (SA)

136 Peru (Lima) (SA)

137 Philippines (Manila) (AS)

138 Poland (Warsaw) (EU)

139 Portugal (Lisbon) (EU)

140 Qatar (Doha) (AS)

141 Romania (Bucharest) (EU)

142 Russian Federation (Moscow) (AS, EU)

143 Rwanda (Kigali) (AF)

144 Saint Kitts and Nevis (Basseterre) (NA)

145 Saint Lucia (Castries) (NA)

146 Saint Vincent and the Grenadines (Kingstown) (NA)

147 Samoa (Apia) (AU)

148 San Marino (San Marino) (EU)

149 São Tomé and Príncipe (São Tomé) (AF)

150 Saudi Arabia (Riyadh) (AS)

151 Senegal (Dakar) (AF)

152 Serbia (Belgrade) (EU)

153 Seychelles (Victoria) (AF)

154 Sierra Leone (Freetown) (AF)

155 Singapore (Singapore City) (AS)

156 Slovakia (Bratislava) (EU)

157 Slovenia (Ljubljana) (EU)

158 Solomon Islands (Honiara) (AU)

159 Somalia (Mogadishu) (AF)

160 South Africa (Pretoria, Cape Town, Bloemfontein) (AF)

161 Spain (Madrid) (EU)

162 Sri Lanka (Colombo) (AS)

163 Sudan (Khartoum) (AF)

164 Suriname (Paramaribo) (SA)

165 Swaziland (Mbabane) (AF)

166 Sweden (Stockholm) (EU)

167 Switzerland (Bern) (EU)

168 Syria (Damascus) (AS)

169 Tajikistan (Dushanbe) (AS)

170 Tanzania (Dodoma) (AF)

171 Thailand (Bangkok) (AS)

172 Timor-Leste / East Timor (Dili) (AS)

173 Togo (Lome) (AF)

174 Tonga (Nuku'alofa) (AU)

175 Trinidad and Tobago (Port of Spain) (NA)

176 Tunisia (Tunis) (AF)

177 Turkey (Ankara) (EU, AS)

178 Turkmenistan (Ashgabat) (AS)

179 Tuvalu (Funafuti) (AU)

180 Uganda (Kampala) (AF)

181 Ukraine (Kiev) (EU)

182 United Arab Emirates (Abu Dhabi) (AS)

183 United Kingdom (London) (EU)

184 United States of America (Washington D.C.) (NA)

185 Uruguay (Montevideo) (SA)

186 Uzbekistan (Tashkent) (AS)

187 Vanuatu (Port Vila) (AU)

188 Vatican City (EU) **

189 Venezuela (Caracas) (SA)

190 Vietnam (Hanoi) (AS)

191 Yemen (Sana) (AS)

192 Zambia (Lusaka) (AF)

193 Zimbabwe (Harare) (AF)


รายชื่อดินแดนที่ถูกคัดค้านการประกาศเป็นประเทศ
1 Abkhazia (Sukhumi) (AS, EU) - แยกมาจาก Georgia

2 Kosovo (Pristina) (EU) - แยกมาจาก Serbia

3 Nagorno-Karabakh (AS, EU) - แยกมาจาก Azerbaijan

4 North Cyprus (Nicosia) (AS, EU) - แยกมาจาก Cyprus

5 Palestine (Jerusalem, Gaza, Ramallah) (AS) - แยกมาจาก Israel

6 Sahrawi Arab Democratic Republic (Tindouf Camps, Bir Lehlou) (AF) - แยกมาจาก Morocco

7 Somaliland (Hargeisa) (AF) - แยกมาจาก Somalia

8 South Ossetia (Tskhinvali) (AS, EU) - แยกมาจาก Georgia

9 Taiwan (Taipei) (AS) - แยกมาจาก China

10 Transnistria (Tiraspol) (EU) - แยกมาจาก Moldova


* วงเล็บแรกหลังชื่อประเทศคือ "เมืองหลวง" วงเล็บต่อมาคือ "ทวีปที่ตั้ง" โดย
NA = North America, SA = South America,
EU = Europe, AF = Africa, AS = Asia, AU = Australia, AN = Antarctic


** ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติมีทั้งหมด 192 ประเทศ คือประเทศที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการทุกประเทศ ยกเว้นเพียงประเทศเดียวคือ Vatican City 

10 ต้นไม้ต้องห้าม ไม่ควรนำปลูกไว้ในบ้าน


หากช่วงนี้ใครกำลังมองหาต้นไม้มาแต่งสวนในบ้าน เพื่อความร่มรื่นสวยงาม การเลือกพันธุ์ไม้ก็มีผลในทางฮวงจุ้ยเหมือนกัน เพราะหากเลือกต้นไม้ที่เป็นชื่อมงคลแล้วก็จะช่วยส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีโชคลาภหรือความเจริญ แต่หากเป็นต้นไม้ที่มีชื่ออัปมงคลแล้ว อาจนำโชคร้ายมาสู่ผู้อยู่อาศัยได้ ดังนั้น เราจึงนำต้นไม้ที่มีชื่อไม่เป็นมงคล และไม่ควรปลูกไว้ภายในบ้านมาฝากคนที่กำลังแต่งสวนกัน





1. ต้นรัก หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้นรักถึงไม่ควรปลูกไว้ในบ้านทั้งๆ ที่ชื่อก็ฟังน่าจะไปในทิศทางที่ดี แต่ตามความเชื่อโบราณเชื่อว่า ต้นรักจะทำให้ความรักยุ่งยากขึ้น และกลายเป็นคนมากรัก นอกจากนี้ ยางของต้นรัก หากไปสัมผัสโดนเข้าอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้
2. ต้นมะละกอ จัดเป็นพืชล้มลุกที่มีชื่อไม่เป็นมงคลนัก บางคนเชื่อว่ามะละกอ เหมือนกับการแตกออกเป็นกอ หรือ "ละ" จากเผ่าจากกอ ส่งผลให้คนภายในบ้านไม่มีความสุข เพราะลูกหลานจะแตกแยกออกไปเป็นกลุ่มๆ มีความคิดที่ขัดแย้งกัน ทะเลาะเบาะแว้งจนหาความสุขไม่ได้ แต่ถ้าต้องการจะปลูกไว้รับประทาน ควรปลูกไว้ริมรั้วนอกบ้าน
3. ต้นระกำ จากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าระกำช้ำชอก เพราะฉะนั้นโบราณจึงถือว่าต้นระกำนั้น ไม่เป็นมงคล หากปลูกไว้ในบ้านจะนำความชอกช้ำ ระกำใจ มาให้อยู่ตลอดเวลา
4. ต้นชวนชม มีความหมาย 2 นัย ด้วยกัน ทั้งดีและไม่ดี หากมองในด้านดี การปลูกต้นชวนชมเอาไว้ในบ้านจะส่งผลให้มีผู้คนมาชื่นชม นิยมยกย่อง กลายเป็นที่รักของคนทั่วไป แต่หากมองในแง่ร้าย ต้นชวนชมจะชักชวนให้คนมาเชยชม จึงไม่เหมาะที่จะนำมาปลูกภายในบ้านที่มีลูกสาววัยแรกรุ่น เพราะอาจจะเป็นการชักนำหนุ่มๆ ให้เข้ามาหาลูกสาวได้ เป็นการปูทางให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียขึ้น นอกจากนี้ ยางของต้นชวนชมค่อนข้างจะเป็นอันตราย หากไปสัมผัสโดนเข้า อาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน
5. ต้นมะรุม เป็นต้นไม้ที่มาตั้งแต่โบราณ คนนิยมนำมาทำแกงส้ม ชื่อของต้นมะรุมจะไปคล้องจองกับคำว่า มะรุมมะตุ้ม ซึ่งจะมีแต่เรื่องไม่ดีมารุมกระหน่ำเข้ามาจนอยู่ไม่เป็นสุข
6. ต้นชบา เรามักจะเห็นหลายๆ บ้านปลูกต้นชบา เพราะสีสันของดอกที่สวยสะดุดตา ทำให้บ้านดูสวยงาม แต่ในสมัยโบราณ ไม่นิยมปลูกต้นชบาเอาไว้ในบริเวณบ้าน เพราะดอกชบานั้น มักถูกนำไปใช้ในเรื่องร้ายๆ อย่างเช่น นำดอกชบามาร้อยเป็นพวง แล้วนำไปสวมคอหญิง-ชาย ที่เป็นชู้ หรือลักลอบได้เสียกัน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเล่นชู้ รวมทั้งนำพวงมาลัยดอกชบาไปสวมคอนักโทษที่กำลังจะถูกประหารอีกด้วย
7. ต้นโพธิ์ ไม่ใช่ต้นไม้อัปมงคล แต่ก็ไม่ควรนำมาปลูกในบ้าน เพราะเชื่อกันว่าต้นโพธิ์ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสำหรับปลูกตามวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากกว่า
8. ต้นงิ้ว ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน เพราะเป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการมีชู้ แต่หากปลูกตามสถานที่ที่เป็นองค์กร อาคารสำนักงาน หรือสวนอาหารบางแห่ง ก็ไม่เป็นไร เพราะงิ้วเป็นต้นไม้สูงใหญ่และดูงามตา
9. ต้นเต่าร้าง เชื่อกันว่าหากสามีภรรยาคู่ใด ปลูกต้นเต่าร้างเอาไว้ในบ้าน อาจมีเรื่องต้องเลิกรากันไป เพราะชื่อของเต่าร้างแสดงความหมายไปในทางเลิกราหรือหย่าร้างกันอยู่แล้ว
10. ต้นนางแย้มป่า ห้ามปลูกต้นนางแย้มป่าในบ้านโดยเด็ดขาด ตามความเชื่อนางแย้มป่าเป็นต้นไม้ที่มีภูตผีปีศาจสิงอยู่ หากปลูกไว้ภายในบ้าน วันดีคืนดี ต้นนางแย้มป่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ ทำร้ายรังแกผู้คนในบ้านให้หวาดผวาเสียขวัญ หรือเจ็บไข้ได้ป่วย

ทองคำคืออะไร




ทองคำ (gold)

คือธาตุเคมีที่มีหมายเลขอะตอม 79 และสัญลักษณ์คือ Au (มาจากภาษาละตินว่า aurum) ทองคำเป็นธาตุโลหะทรานซิชันสีเหลืองทองมันวาวเนื้ออ่อนนุ่ม สามารถยืดและตีเป็นแผ่นได้ ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีส่วนใหญ่ ทองคำใช้เป็นทุนสำรองทางการเงินของหลายประเทศ ใช้ประโยชน์เป็นเครื่องประดับ งานทันตกรรม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

คุณสมบัติของทองคำ

มีความแวววาวอยู่เสมอ ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนดังนั้น เมื่อสัมผัสถูกอากาศสีของทองจะไม่หมองและไม่เกิดสนิม มีความอ่อนตัว ทองคำเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวมากที่สุด ด้วยทองเพียงประมาณ 2 บาท เราสามารถยืดออกเป็นเส้นลวดได้ยาวถึง 8 กิโลเมตร หรืออาจตีเป็นแผ่นบางได้ถึง 100 ตารางฟุต เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ทองคำเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดี สะท้อนความร้อนได้ดี ทองคำสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ได้มีการนำทองคำไปฉาบไว้ที่หน้ากากหมวกของนักบินอวกาศ เพื่อป้องกันรังสีอินฟราเรด

มนุษย์รู้จักทองคำมาตั้งแต่ประมาณ 5,000 ปี เป็นความหมายแห่งความมั่งคั่ง จุดหลอมเหลว 1064 และจุดเดือด 2970 องศาเซลเซียส เป็นโลหะที่มีค่าที่มีความเหนียว (Ductility) และความสามารถในการขึ้นรูป (Malleability) คือจะยืดขยาย (Extend) เมื่อถูกตีหรือรีดในทุกทิศทาง โดยไม่เกิดการปริแตกได้สูงสุด ทองคำบริสุทธิ์หนัก 1 ออนซ์สามารถดึงเป็นเส้นลวดยาวได้ถึง 80 กิโลเมตร ถ้าตีเป็นแผ่นก็จะได้บางเกินกว่า 1/300,000 นิ้ว ส่วนความกว้างจะได้ถึง 9 ตารางเมตร

ทองคำบริสุทธิ์จะไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมี (Chemicalinactive) ได้ง่าย จึงทนต่อการผุกร่อนและไม่เกิดสนิมกับอากาศ (Oxidide) แต่มีปฏิกิริยากับคลอรีน ฟลูออรีน น้ำประสานทอง

คุณสมบัติเหล่านี้ประกอบกับลักษณะภายนอกที่เป็นประกายจึงทำให้ทองคำเป็นที่หมายปองของ มนุษย์มาเป็นเวลานับพันปี โดยนำมาตีมูลค่าสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและใช้เป็นวัตถุดิบที่ สำคัญสำหรับวงการเครื่องประดับ

ทองคำ ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในวงการเครื่องประดับทองคำ เพราะเป็นโลหะมีค่าชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติพื้นฐาน 4 ประการซึ่งทำให้ทองคำโดดเด่น และเป็นที่ต้องการเหนือบรรดาโลหะมีค่าทุกชนิดในโลก คือ

- งดงามมันวาว (lustre) สีสันที่สวยงามตามธรรมชาติผสานกับความมันวาวก่อให้เกิดความงามอันเป็นอมตะ ทองคำสามารถเปลี่ยนเฉดสีทองโดยการนำทองคำไปผสมกับโลหะมีค่าอื่นๆ ช่วยเพิ่มความงดงามให้แก่ทองคำได้อีกทางหนึ่ง
คงทน (durable) ทองคำไม่ขึ้นสนิม ไม่หมอง และไม่ผุกร่อน แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป 3000 ปีก็ตาม

- หายาก (rarity) ทองเป็นแร่ที่หายาก กว่าจะได้ทองคำมาหนึ่งออนซ์(31.167 gram) ต้องถลุงก้อนแร่ที่มีทองคำอยู่เป็นจำนวนหลายตัน และต้องขุดเหมืองลึกลงไปหลายสิบเมตร จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง เป็นเหตุให้ทองคำมีราคาแพงตามต้นทุนในการผลิต

- นำกลับไปใช้ได้ (reuseable) ทองคำ เหมาะสมที่สุดต่อการนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพราะมีความเหนียวและอ่อนนิ่ม สามารถนำมาทำขึ้นรูปได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยการทำให้บริสุทธิ์ (purified) ด้วยการหลอมได้อีกโดยนับครั้งไม่ถ้วน

การเกิดของแร่ทองคำ

สรุปจากเอกสารของกรมทรัพยากรธรณี ได้มีการแบ่งการเกิดของแร่ทองคำออกเป็น 2 แบบ ตามลักษณะที่พบในธรรมชาติได้ดังนี้

- แบบปฐมภูมิ คือ กระบวนการทางธรณีวิทยา มีการผสมทางธรรมชาติจากน้ำแร่ร้อน ผสมผสานกับสารละลายพวกซิลิก้า ทำให้เกิดการสะสมตัวของแร่ทองคำในหินต่างๆ เช่น หินอัคนี หินชั้น และหินแปร มีการพบการฝังตัวของแร่ทองคำในหิน หรือสายแร่ที่แทรกอยู่ในหิน ซึ่งส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

- แบบทุติยภูมิหรือลานแร่ คือ การที่หินที่มีแร่ทองคำแบบปฐมภูมิได้มีการสึกกร่อน และถูกน้ำพัดพาไปสะสมตัวในที่แห่งใหม่ เช่น ตามเชิงเขา ลำห้วย หรือในตะกอนกรวดทรายในลำน้ำ

แหล่งแร่ทองคำปฐมภูมิในไทย เช่น

- แหล่งโต๊ะโมะ จ.นราธิวาส
- แหล่งเขาสามสิบ จ.สระแก้ว
- แหล่งชาตรี(เขาโป่ง) จ.พิจิตร - จ.เพชรบูรณ์
- แหล่งดอยตุง (บ้านผาฮี้) จ.เชียงราย
- แหล่งเขาพนมพา จ.พิจิตร

แหล่งแร่ทองคำทุติยภูมิในไทย เช่น

- แหล่งบ้านป่าร่อน จ.ประจวบคีรีขันธ์
- แหล่งบ้านนาล้อม จ.ปราจีนบุรี
- แหล่งบ้านทุ่งฮั้ว จ.ลำปาง
- แหล่งในแม่น้ำโขง จ.เลย - จ.หนองคาย
- แหล่งบ้านผาช้างมูบ จ.พะเยา

หน่วยน้ำหนักของทองคำ

กรัม : ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ ถือว่าเป็นหน่วยสากล
ทรอยเอานซ์ : ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย
โทลา : ใช้กันทางประเทศแถบตะวันออกกลาง อินเดีย ปากีสถาน
ตำลึง : ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาจีน เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง
บาท : ใช้ในประเทศไทย
ชิ : ใช้ในประเทศเวียดนาม

การแปลงน้ำหนักทองคำ

ทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% (มาตรฐานในประเทศไทย)

- ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม
- ทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม

ทองคำความบริสุทธิ์ 99.99%

- ทองคำ 1 กิโลกรัม เท่ากับ 32.1508 (ทรอย) ออนซ์
- ทองคำ 1 (ทรอย) ออนซ์ เท่ากับ 31.1040 กรัม

หมายเหตุ: ทรอยออนซ์ เป็นหน่วยชั่งของโลหะมีค่า แต่มักเรียกสั้นๆ ว่า ออนซ์

- 1 ทรอยออนซ์ เท่ากับ 1.097 ออนซ์ (ปกติ)
- 12 ทรอยออนซ์ เท่ากับ 1 ทรอยปอน
- 1 ทรอยปอน เท่ากับ 373 กรัม

การลงทุนทองคำ

การตั้งราคาทองในประเทศไทยอ้างอิงจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ Goldspot และ USD-THB

Goldspot
คือ ราคาทองต่างประเทศ มีการซื้อขายทองโดยใช้เงินสกุลดอลล่าร์

USD-THB
คือ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์

การตั้งราคาทองในประเทศไทย มีสูตรคำนวณดังนี้

สูตรคำนวณราคาทองคำ = (spot gold + 1) x อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท x 0.4729

ประโยชน์อื่น

- ด้านอวกาศ
ในทางอวกาศได้มีการนำทองคำมาใช้เป็นชุดนักบินอวกาศและแคปซูล เพื่อป้องกันไม่ให้นักบินอวกาศกระทบกับรังสีในอวกาศที่มีพลังงานสูง นอกจากนี้ยังมีการใช้ทองคำบริสุทธิ์เคลือบกับเครื่องยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หมวกเหล็ก เกราะบังหน้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในอวกาศ เนื่องจากทองคำที่มีความหนา 0.000006 นิ้ว จะมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ให้ทำลาย หรือลดประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้

- ด้านทันตกรรม
มี การใช้ทองคำเพื่อการครอบฟัน เชื่อมฟัน หรือการเลี่ยมทอง และยังมีการใช้ในการผลิตฟันปลอมด้วย เนื่องจากทองคำมีความคงทนต่อการกัดกร่อน การหมองคล้ำ และยังมีความแข็งแรงอีกด้วย โดยจะใช้ทองคำผสมกับธาตุอื่น เช่น แพลตินัม

- ด้านอิเล็กทรอนิกส์
มี การนำทองคำมาใช้เป็นวัสดุที่ทำหน้าที่สัมผัสในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น เครื่องคิดเลข โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากทองคำมีค่าการนำไฟฟ้าสูง และมีความคงทนต่อการกัดกร่อน จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของเครื่องไฟฟ้าเหล่านั้น

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เกร็ดความรู้แปลกๆเกี่ยวกับ...โค้ก




  • แต่แรก โคคา-โคล่า นั้น เป็นสูตรยาที่ใช้สำหรับแก้อาการเมาค้างและแก้ปวดหัว
  • ชื่อ โคคา-โคล่า มาจากส่วนผสมดั้งเดิมของมัน นั่นก็คือ ใบโคคา และเมล็ดโคลา นอกจากนี้ ในสูตรดั้งเดิมนั้น มีการใช้ไวน์แทนน้ำตาลด้วย
  • หากใส่เมนทอสลงไปในโค้ก จะทำให้คาร์บอน ไดออกไซด์ในโค้กถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้โค้กในขวดทะลักออกมา ซึ่งปฏิกิริยานี้จะเกิดได้ดีที่สุด หากใช้ไดเอท โค้ก 
  • โคคา-โคล่า สามารถใช้แก้พิษของแมงกระพรุนได้ด้วย
  • ถ้าผมของคุณบังเอิญติดหมากฝรั่ง ให้รินโค้กตรงบริเวณที่มีหมากฝรั่งติด จะทำให้มันหลุดออกมาโดยง่าย
  • ตั้งแต่ปี 1985 น้ำตาลในโคคา-โคลา ถูกแทนที่ด้วยน้ำเชื่อมข้าวโพดซึ่งมีน้ำตาลฟรุกโตสสูง ตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้รสชาติของโค้กเปลี่ยนไปจากรสชาติดั้งเดิม 
  • แรกเริ่มเดิมทีนั้น โคคา-โคล่าเป็นสีเขียว 
  • โคคา-โคล่าเคยมีส่วนผสมของกัญชาด้วย แต่ในปี 1905 ส่วนผสมชนิดนี้ก็ถูกเอาออกไปเนื่องจาก public concern.
  • ในภาษาจีน โคคา-โคลา หมายถึง ทำให้ปากมีความสุข
  • หากคุณใส่ ที-โบน สเต็ก ลงในโค้ก มันจะมลายหายไปภายใน 2 วัน
  • หากนำขวดโค้กมาวางต่อกัน ความสูงของมันจะมีระยะทางเท่ากับระยะทางไป-กลับดวงจันทร์ถึง 1,677 รอบ!

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อาการของผู้มีแนวโน้มเป็นโรคหลอดเลือดสมอง





มีวิธีสังเกตอาการของคนที่กำลังจะมีแนวโน้มเป็น
โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติมาบอก....
โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่เกิดจากการสูญเสียหน้า
ที่การทำงานของสมองอย่างเฉียบพลันแบ่งออกเป็น 2
ชนิด คือ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน และโรคหลอด
เลือดสมองแตก 80% จะเป็นชนิดหลอดเลือดสมองอุดตัน
เกิดจากการมีลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดในสมอง (Ischemic stroke)
20% จะเป็นชนิดหลอดเลือดสมองแตก เกิดจากการแตก
ของหลอดเลือดทำให้เกิดเลือดคั่งในเนื้อสมอง (Hemorrhagic stroke)
ทำให้เกิดเลือดคั่งในเนื้อสมอง (Hemorrhagic stoke)

อาการของผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคหลอดเลือดสมอง มีดังนี้

1. มีอาการแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก ปากเบี้ยวหรือชาครึ่งซีก เป็นทันทีทันใด

2. พูดไม่ออก ฟังไม่เข้าใจภาษา พูดอ้อแอ้ไม่ชัด เป็นทันทีทันใด

3. ตาข้างใดข้างหนึ่งมองไม่เห็นหรือมองไม่เห็นครึ่งซีก
ของลานสายตา หรือเห็นภาพซ้อน เป็นทันทีทันใด

4. เวียนศีรษะ บ้านหมุน รู้สึก โคลงเคลง เดินเซ คล้ายคนเมาเหล้า เป็นทันทีทันใด

5. ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและไม่เคยเป็นมาก่อน ร่วมกับอาเจียนหรือหมดสติเป็นทันทีทันใด

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลตัวเองให้แข็งแรงจะได้ห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ.

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ดื่มน้ำผิดวิธีไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ




ดื่มน้ำผิดวิธีไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ

อย่าละเลยเรื่องการดื่มน้ำ เพราะน้ำมีความสำคัญต่อร่างกายของเราอย่างมาก

ปกติร่างกายของมนุษย์ควรจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 70% แต่ ดร.ทอม อู๋ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการที่สามารถเอาตัวรอดจากโรคมะเร็งได้ บอกว่า คนในปัจจุบันมีน้ำ ในร่างกายเพียง 60-65% เท่านั้น

เมื่อมีน้ำน้อยแล้วเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเรา ? 

มันจะทำให้เชลล์ในร่างกายอยู่ในภาพขาดน้ำ เพราะเมื่อน้ำ ไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถขับพิษได้

นั่นหมายความว่าอาจทำให้เซลล์ตาย หรือกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้

และเมื่อเลือดข้นขึ้นจะทำให้ท้องผูก ผิวหนังขาดน้ำทำให้เกิดฝ้าจุดด่างดำ เหี่ยวย่น แก่เร็ว หรือว่าผมร่วง

รวมทั้งการดื่มบางอย่าง กลับทำให้สูญเสียน้ำในร่างกายไปด้วย

อย่างเช่นเมื่อคุณดื่มกาแฟ 1 แก้ว ทำให้สูญเสียน้ำที่สะสมในร่างกายถึง 3 แก้ว

ถ้าดื่มชา 1 แก้ว ก็จะสูญเสียน้ำไป 2 แก้ว

หรือว่าคุณดื่มน้ำอัดลมหรือไวน์แดง 1 แก้ว จะสูญเสียน้ำในร่างกายไปถึง 6 แก้วทีเดียวเชียว

ฉะนั้นควรจะต้องรู้ว่าดื่มน้ำอย่างไรจึงจะถูกต้อง

และวิธีการดื่มน้ำก็สำคัญมาก ควรจิบทีละน้อย เพื่อให้เซลล์ในร่างกายมีเวลาเพียงพอต่อการดูดซึมน้ำ เพราะถ้าคุณดื่มทีเดียว รวดเดียวหมด เซลล์จะดูดซึมไม่ทัน น้ำทั้งหมดจะสูญไปกับการปัสสาวะออกมา

โดยเราควรจะรู้ด้วยว่าน้ำแต่ละประเภทที่เราดื่มเข้าไปนั้นมีข้อดี ข้อด้อยอย่างไร

น้ำกรองหรือน้ำประปาที่เราดื่มกัน ก็เป็นเพียงการกรองเพื่อกรองโลหะหนักออกไป แต่ว่ายังมีแบคทีเรียและสารเคมีหลงเหลืออยู่

น้ำแร่นั้น กระทรวงเกษตรอเมริการายงานว่า น้ำแร่ที่ขายกันอยู่ มีโลหะหนักและสารอนินทรีย์เป็นปริมาณมาก มีข้อเสียคือจะไปอุดตันช่องว่างระหว่างเซลล์ ทำให้อาหารเข้าไปในเซลล์ไม่ได้ เซลล์จึงค่อย ๆ แก่ตัวและตายไป ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เรารู้สึกเพลียง่าย หรือแก่ก่อนวัย

เช่นเดียวกับเราไม่ควรดื่มน้ำที่เป็นด่างเป็นประจำ เพราะจะทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยและขาดสารอาหาร

ดร.ทอม อู๋ แนะนำว่า หากดื่มน้ำกลั่นวันละ 8 แก้ว (แก้วละ 250 ซีซี) ก็จะทำให้ไตมีน้ำพอที่จะฟอกเลือดได้

นอกจากร่างกายต้องการน้ำวันละ 8 แก้วแล้ว ร่างกายของเรายังต้องการอิเล็กโทรไลต์และเกลือแร่ด้วย

โดยเฉพาะเกลือแร่ในผักผลไม้ที่เป็นสารอนินทรีย์ ขนาดเล็ก ซึ่งเซลล์ของร่างกายสามารถดูดซึมได้

ดังนั้นจึงควรกินผักผลไม้มาก ๆ เพื่อให้ได้รับเกลือแร่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปเติมอาหารให้เซลล์นำไปใช้งาน

ดร.ทอม อู๋ ยังให้คำแนะนำด้วยว่า ปริมาณในการดื่มน้ำของแต่ละคนไม่เท่ากัน

คนที่นั่งอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ให้ดื่มน้ำวันละ 6 แก้วก็พอ

แต่ถ้าทำงานที่ต้องเดินไปมา ควรจะต้องดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว

และถ้าหากทำงานตากแดดอยู่กลางแจ้ง หรือใช้แรงงานหนัก ควรดื่มน้ำวันละ 10-12 แก้ว ร่างกายจึงจะได้รับน้ำอย่างเพียงพอ

ฉะนั้นอย่าละเลยเรื่องการดื่มน้ำ หากดื่มน้ำถูกวิธี ก็จะมีผลดีต่อร่างกาย แต่ถ้าดื่มน้ำผิดวิธี มันจะ สูญเปล่าไปไม่น้อย



แม่น้ำคริสตัล อัญมณีแห่ง สวิตเซอร์แลนด์


แม่ น้ำคริสตัล หรือ Verzasca River หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แห่ง สวิตเซอร์แลนด์ ความอัศจรรย์อยู่ที่น่านน้ำสีเทอร์ควอยซ์ ใสจนสามารถมองเห็นก้นบึ้ง ซึ่งลึกถึง 50 ฟุตสายน้ำกลางหุบเขา Verzasca แม่น้ำคริสตัล มีระยะทางยาว 30 กิโลเมตร นับจากแหล่งต้นน้ำ Pizzo Barone ไหลล่องสู่ Lake Maggiore ประเทศอิตาลี นักท่องเที่ยวส่วน ใหญ่นิยมมาดำน้ำ และชื่นชมความงามของ แม่น้ำคริสตัล ผ่านผิวน้ำจากบนสะพาน แต่ ช่างภาพบางกลุ่มสวนทางวิถีเดิมๆ ด้วยการดำดิ่งลงไปเก็บภาพจากเบื้องล่าง ด้วยกล้องกันน้ำ เผยให้เห็นความงามอีกด้านหนึ่งซึ่งน้อยคนจะได้สัมผัส


แม้ แม่น้ำคริสตัล จะ สวยงามชวนดำดิ่ง แต่กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่ เพราะความใสมากนี้เกิดจากการมีสภาพเป็นกรดสูง จนสิ่งมีชีวิตไม่สามารถเจริญเติบโตได้ แม้ธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าจะงดงามเพียงใด แต่การอยู่โดดเดี่ยวใต้ แม่น้ำคริสตัล ก็ถือเป็นเรื่องน่าสะพรึงไม่น้อย



ฮือฮา! กิ้งก่า ประหลาดคล้ายสไปเดอร์แมน




"กิ้งก่า" ประหลาด ซึ่งนอกจากจะมีสีแดงและน้ำเงินสดคล้ายกับ "ไอ้แมงมุม" แล้ว ยังโพสท่าบนก้อนหินได้สุดเท่ห์
     
สัตว์ เลื้อยคลานที่เห็นนี้คือกิ้งก่าพันธุ์ Mwanza Flat Headed Agama ซึ่งเป็นพันธุ์ท้องถิ่นของทวีปแอฟริกา และมักอาศัยอยู่รวมกันโดยมีตัวผู้เป็นจ่าฝูง ซึ่งก็มักจะเป็นตัวที่สีสันสะดุดตาที่สุด
     
กิ้งก่า ตัวนี้ถูกจับภาพไว้ได้ด้วยฝีมือของช่างภาพ คาสซิโอ โลเปซ ซึ่งเดินทางไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ มาไซ มารา ในเคนยา พร้อมกับอเลซซานดรา ภรรยาของเขา
     
สไปเดอร์แมน หรือ "ไอ้แมงมุม" ซูเปอร์ฮีโรขวัญใจคอการ์ตูน
ริ ช นันน์ จากบริษัท นอสแตลเจีย แอนด์ คอมมิกส์ ในเมืองเบอร์มิงแฮม บอกว่า กิ้งก่าตัวนี้ช่างมีความละม้ายคล้ายคลึงกับสไปเดอร์แมนอย่างไม่น่าเชื่อ

"มันเป็นกิ้งก่าตัวแรกที่ผมพบว่าสีเหมือนสไปเดอร์แมนอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะช่วงอก และขาทั้ง 4 ข้าง"       
"ผมเชื่อว่าคงมีคอการ์ตูนหลายคนอยากจะเลี้ยงกิ้งก่าแบบนี้ เพราะมันเหมือนฮีโร่ของพวกเขา"

พบหินอุกกาบาตสุดแปลก มีคริสตัลในตัว

เมื่อมีสิ่งแปลกประหลาดหล่นลงสู่พื้นผิวโลก เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์เราจะไม่ไปสำรวจ ไปสัมผัส แต่เมื่อไปสำรวจแล้วก็เผยให้เห็นถึงความสวยงามอันน่าทึ่งเมื่อภายในอุกกาบาตนี้มีแร่หินคริสตัลโปร่งใส (Olivine gleamed) แทรกอยู่ระหว่างรังผึ้งสีเงิน




อุกกาบาตนี้ถูกพบในปี 2000 ในทะเลทรายโกบี เมืองซินเจียง ประเทศจีน มันถูกแบ่งออกให้เป็นชิ้นเพื่อส่วนหนึ่งงจะนำไปศึกษา อีกส่วนหนึ่งจะถูกนักสะสมของแปลกกว้านซื้อไป ก้อนที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักถึง 925 ปอนด์ และในปี 2008 เจ้าอุกกาบาตสุดแปลกนี้มีค่าตัวถึง 2 ล้านดอลล่าห์ 





นักธรณีวิทยาเชื่อว่า เจ้าหินอุกกาบาตนี้เกิดจากการก่อตัวในระบบสุริยะจักรวาล มีอายุประมาณ 4.5 พันล้านปี และจะพบได้น้อยมาก การที่มันหล่นมายังบนพื้นโลกเนื่องจากชั้นบรรยากาศของโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก