วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556
การเคหะฯ ลงพื้นที่บ้านเอื้ออาทรสมุทรปราการ 1 ลุยงานชุมชนเพื่อสังคม
นายคณิต แพทย์สมาน ประธานคณะอนุกรรมการ การกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคม การเคหะแห่งชาติ (ลำดับที่ 5 จากซ้าย) นำทีมลงพื้นที่โครงการบ้านเอื้ออาทรสมุทรปราการ 1 ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการให้บริการซ่อมแซมบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ แก่ชาวชุมชน ภายใต้โครงการ “ช่างอาสาเพื่อพัฒนาชุมชน” รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการชำระค่างวดเพื่อไม่ให้เกิดดอกเบี้ยค้างชำระหรือเกิดการซื้อคืน โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ในโครงการ “สานสัมพันธ์ครอบครัวเอื้ออาทร” นอกจากนี้ยังมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เกี่ยวกับการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อ และการจัดทำบัญชีครัวเรือนรายรับ-รายจ่าย อีกทั้งยังให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจากเทศบาลตำบลแพรกษา และบริการตัดผมชาย-หญิงโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจากโรงเรียนเสริมสวยอรพินอีกด้วย
วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ทุนจีนซื้อคอนโดฯยกตึก พระราม9-พัทยา/ตั้งฐานบุกอาเซียน
ไทยรับอานิสงส์จีนออกมาตรการสกัดฟองสบู่ในประเทศ ทุนจีนขนเงินไล่ช็อปคอนโดฯกลางกรุงเทพฯยันพัทยา "จีแลนด์" ส้มหล่นปิดดีลเหมาซื้อห้องชุดเบลล์พาร์ค 80 ห้อง เป็นตัวกลางดึงนักลงทุนจีนซื้อยกตึกอีก 140 ห้อง "ศุภาลัย-กฤษดานคร" เผยนายหน้าจีน-มาเลเซียทาบซื้อห้องชุดยกชั้น ชี้จีนแห่ลงทุนทั้งอุตสาหกรรม การค้า ท่องเที่ยว ใช้ไทยเป็นฐานบุกตลาดอาเซียน
กระแสกลุ่มทุนต่างชาติขยายฐานธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆการรวมตัวกันเป็นกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) สมบูรณ์แบบในปี 2558 ยิ่งใกล้เข้ามา ก็ยิ่งเห็นภาพความเคลื่อนไหวดังกล่าวชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีนที่รุกเข้ามาลงทุนหลากหลายสาขา อาทิ ทางด้านอุตสาหกรรม ธุรกิจการค้า ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเพื่อเก็งกำไรและลงทุนในระยะยาว ขณะเดียวกันก็หวังใช้ไทยเป็นฐานในการขยายการลงทุนในกลุ่ม AEC ประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนอสังหาฯ ล่าสุด กลุ่มทุนจีนบุกตลาดทั้งเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการ ลงทุนซื้อห้องชุดทั้ง 2-3 ห้อง และเหมาแบบยกลอต
ผู้สื่อข่าวสำรวจความเคลื่อนไหวชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองพบว่านับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมามีนักลงทุนชาวจีนซื้อคอนโดฯย่านรัชดาภิเษก ในลักษณะเจรจาซื้อบิ๊กลอตยกชั้นหรือซื้อยกอาคาร ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยสถานทูตจีนเหมาเบลล์พาร์ค
แหล่งข่าวจากบริษัทแกรนด์คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ "GLAND" ผู้พัฒนาโครงการ "แกรนด์ พระราม 9 สแควร์" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทเพิ่งปิดดีลขายคอนโดมิเนียม "เบลล์พาร์ค" (Belle Park) แบบบิ๊กลอตจำนวนกว่า 80 ยูนิต ให้กับสถานทูตสาธาณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยเบลล์พาร์คเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแกรนด์ พระราม 9 สแควร์
รายละเอียดดีลนี้ คอนโดฯเบลล์พาร์ค มีทั้งหมด 8 ทาวเวอร์ ยูนิตรวม 220 ยูนิต ทางสถานทูตจีนได้ขอซื้อคอนโดฯในทาวเวอร์ที่ 6 จำนวนกว่า 80 ยูนิต หรือประมาณ 30% เพื่อเป็นที่พักอาศัยแห่งใหม่ให้กับเจ้าหน้าที่ ส่วนห้องชุดที่เหลืออีก 140 ยูนิต สถานทูตทำข้อตกลงขอให้บริษัทหยุดพักการขายไว้โดยจะแนะนำชาวจีนที่สนใจมาซื้อ เพราะต้องการให้เป็นทาวเวอร์ที่มีแต่คนจีนพักอาศัย"เราเจรจากันมาระยะหนึ่งแล้วเหตุผลที่เขาสนใจเราเพราะตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรัชดาฯใกล้กับสถานทูตจีนและมีคนจีนพักในย่านนี้เยอะ คล้าย ๆ กับคนญี่ปุ่นที่นิยมอยู่ในซอยทองหล่อเพราะใกล้สถานทูตญี่ปุ่น ปัจจุบันเรามีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติกว่า 10-20% ยังต่ำกว่าที่ พ.ร.บ.อาคารชุดที่กำหนดสัดส่วนไว้ไม่เกิน 49%" แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับคอนโดฯ เบลล์พาร์ค แบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกมี 4 ทาวเวอร์ ยูนิตรวม 1,000 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% กำลังทยอยโอนกรรมสิทธิ์ เฟสที่ 2 เป็นพื้นที่พลาซ่า 2 ชั้น และเฟส 3 เป็นคอนโดฯอีก 4 ทาวเวอร์ ประมาณ 1,000 ยูนิต จะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี แต่ละทาวเวอร์มียอดขายแล้ว 20-50% นอกจากนี้ภายในโครงการแกรนด์ พระราม 9 สแควร์ กำลังก่อสร้างอาคารให้เช่าพื้นที่ 2 โครงการ คือ 1.โครงการยูเพลส ออฟฟิศให้เช่าพื้นที่ 1.8 หมื่นตารางเมตร และพื้นที่ค้าปลีก 4,300 ตารางเมตร ปัจจุบันมีกลุ่มยูนิลีเวอร์ขอจองเช่าพื้นที่ออฟฟิศทั้งหมดเป็นเวลา 29 ปี ค่าเช่าเริ่มต้นตารางเมตรละ 640 บาท 2.โครงการเดอะไนน์ สำนักงานให้เช่าพื้นที่ 5.8 หมื่นตารางเมตร ค่าเช่าเริ่มต้นตารางเมตรละ 520 บาท ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 50% ศุภาลัย-กฤษดาฯเนื้อหอม นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเคยได้รับการติดต่อจากนักลงทุนชาวจีนผ่านทางนายหน้าเพื่อขอซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดฯแบบยกชั้น ประมาณ 10-20 ยูนิต ทราบว่าจะซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า คาดว่าเป็นเพราะช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเติบโตต่อเนื่องจึงสนใจเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาฯในกรุงเทพฯที่ราคายังไม่สูง อย่างไรก็ตามการเจรจาไม่ได้ข้อยุติเนื่องจากเป็นการซื้อแบบยกชั้น ทางตัวแทนจีนขอต่อรองส่วนลดค่อนข้างสูง แหล่งข่าวจากบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการเดอะคริส รัชดาฯ และเดอะคริส เอ็กซ์ตร้า พระราม 9 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้บริษัทได้รับการติดต่อจากนายหน้าของนักลงทุนมาเลเซียเชื้อสายจีน เพื่อขอซื้อห้องชุดโครงการเดอะคริส รัชดาฯ แบบยกชั้น เมื่อประมาณไม่เกิน 1 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากขอต่อรองส่วนลดมากถึงเกือบ 20% ขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนชาวจีนและชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนที่ซื้อห้องชุดเฉลี่ยรายละ1-3ยูนิต เพื่อลงทุนปล่อยเช่าเนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่กลางเมือง และอยู่แนวรถไฟฟ้าใต้ดิน
เผยอสังหาฯไทยน่าลงทุน
แหล่งข่าวจากบริษัทตัวแทนขายและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งเปิดเผยเพิ่มเติมว่าปรากฏการณ์กลุ่มลูกค้าคนจีนที่มาซื้อคอนโดฯในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวมีอยู่ตลอดเวลา แต่น่าสังเกตว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้บริษัทได้รับการติดต่อจากคนจีนที่สนใจซื้อคอนโดฯในเมืองไทยส่วนใหญ่ระบุความต้องการซื้ออยู่ในทำเลรัชดาฯ-พระราม9 ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ รวมทั้งหัวเมืองท่องเที่ยวคือพัทยา แต่ละรายซื้อเฉลี่ย 1-4 ยูนิต มีทั้งซื้อเพื่ออยู่เองและซื้อลงทุนปล่อยเช่า "เท่าที่ทราบโครงการคอนโดฯ ทีซีกรีน ย่านพระราม 9 ซึ่งมีนักลงทุนจีนร่วมทุนพัฒนาโครงการ มีสัดส่วนลูกค้าคนจีน 25% ของยอดขายทั้งหมด น่าจะเกิดจากปีที่ผ่านมาประเทศจีนได้ออกมาตรการสกัดฟองสบู่อสังหาฯ ผู้ที่ซื้อบ้านตั้งแต่หลังที่ 2 ขึ้นไปจะต้องเสียภาษีสูงขึ้น จึงออกมาซื้ออสังหาฯนอกประเทศแทนเพื่ออยู่เอง และลงทุนหาผลตอบแทนที่ยังสามารถทำกำไรในเมืองไทย ถ้าปล่อยเช่าเฉลี่ยมีผลตอบแทน 6-7%" แหล่งข่าวกล่าว
ทุนจีนใช้ไทยเป็นฐานบุก AEC
นายพิพิธ เอนกนิธิ รองกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจจีน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารกสิกรไทยได้ขยายธุรกิจเข้าไปเปิดสาขาในประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ได้เปิดดำเนินการแล้ว 2 สาขา คือ ที่เมืองเสิ่นเจิ้น และเฉิงตู โดยกสิกรไทยมียุทธศาสตร์ที่จะเป็นสะพานเชื่อมการลงทุนของจีนกับอาเซียน นอกจากเป้าหมายเพื่อการเข้าไปให้บริการสินเชื่อกับธุรกิจเอสเอ็มอีจีนแล้ว อีกด้านหนึ่งก็เป็นการต่อยอดในการเป็นที่ปรึกษากลุ่มนักธุรกิจจีน ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
โดยขณะนี้มีภาพชัดเจนว่ามีนักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยรวมถึงมีเป้าหมายจะใช้ไทยเป็นฐานเพื่อที่จะขยายการค้าการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ผ่านมาเห็นแนวโน้มชัดเจนของนักลงทุนจีนที่เข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ทางธนาคารก็ได้มีการตั้งทีมเพื่อดูแลกลุ่มลูกค้านักธุรกิจจีนที่เข้ามาเมืองไทยโดยเฉพาะด้วย
กระแสกลุ่มทุนต่างชาติขยายฐานธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆการรวมตัวกันเป็นกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) สมบูรณ์แบบในปี 2558 ยิ่งใกล้เข้ามา ก็ยิ่งเห็นภาพความเคลื่อนไหวดังกล่าวชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีนที่รุกเข้ามาลงทุนหลากหลายสาขา อาทิ ทางด้านอุตสาหกรรม ธุรกิจการค้า ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเพื่อเก็งกำไรและลงทุนในระยะยาว ขณะเดียวกันก็หวังใช้ไทยเป็นฐานในการขยายการลงทุนในกลุ่ม AEC ประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนอสังหาฯ ล่าสุด กลุ่มทุนจีนบุกตลาดทั้งเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการ ลงทุนซื้อห้องชุดทั้ง 2-3 ห้อง และเหมาแบบยกลอต
ผู้สื่อข่าวสำรวจความเคลื่อนไหวชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองพบว่านับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมามีนักลงทุนชาวจีนซื้อคอนโดฯย่านรัชดาภิเษก ในลักษณะเจรจาซื้อบิ๊กลอตยกชั้นหรือซื้อยกอาคาร ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยสถานทูตจีนเหมาเบลล์พาร์ค
แหล่งข่าวจากบริษัทแกรนด์คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ "GLAND" ผู้พัฒนาโครงการ "แกรนด์ พระราม 9 สแควร์" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทเพิ่งปิดดีลขายคอนโดมิเนียม "เบลล์พาร์ค" (Belle Park) แบบบิ๊กลอตจำนวนกว่า 80 ยูนิต ให้กับสถานทูตสาธาณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยเบลล์พาร์คเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแกรนด์ พระราม 9 สแควร์
รายละเอียดดีลนี้ คอนโดฯเบลล์พาร์ค มีทั้งหมด 8 ทาวเวอร์ ยูนิตรวม 220 ยูนิต ทางสถานทูตจีนได้ขอซื้อคอนโดฯในทาวเวอร์ที่ 6 จำนวนกว่า 80 ยูนิต หรือประมาณ 30% เพื่อเป็นที่พักอาศัยแห่งใหม่ให้กับเจ้าหน้าที่ ส่วนห้องชุดที่เหลืออีก 140 ยูนิต สถานทูตทำข้อตกลงขอให้บริษัทหยุดพักการขายไว้โดยจะแนะนำชาวจีนที่สนใจมาซื้อ เพราะต้องการให้เป็นทาวเวอร์ที่มีแต่คนจีนพักอาศัย"เราเจรจากันมาระยะหนึ่งแล้วเหตุผลที่เขาสนใจเราเพราะตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรัชดาฯใกล้กับสถานทูตจีนและมีคนจีนพักในย่านนี้เยอะ คล้าย ๆ กับคนญี่ปุ่นที่นิยมอยู่ในซอยทองหล่อเพราะใกล้สถานทูตญี่ปุ่น ปัจจุบันเรามีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติกว่า 10-20% ยังต่ำกว่าที่ พ.ร.บ.อาคารชุดที่กำหนดสัดส่วนไว้ไม่เกิน 49%" แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับคอนโดฯ เบลล์พาร์ค แบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกมี 4 ทาวเวอร์ ยูนิตรวม 1,000 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% กำลังทยอยโอนกรรมสิทธิ์ เฟสที่ 2 เป็นพื้นที่พลาซ่า 2 ชั้น และเฟส 3 เป็นคอนโดฯอีก 4 ทาวเวอร์ ประมาณ 1,000 ยูนิต จะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี แต่ละทาวเวอร์มียอดขายแล้ว 20-50% นอกจากนี้ภายในโครงการแกรนด์ พระราม 9 สแควร์ กำลังก่อสร้างอาคารให้เช่าพื้นที่ 2 โครงการ คือ 1.โครงการยูเพลส ออฟฟิศให้เช่าพื้นที่ 1.8 หมื่นตารางเมตร และพื้นที่ค้าปลีก 4,300 ตารางเมตร ปัจจุบันมีกลุ่มยูนิลีเวอร์ขอจองเช่าพื้นที่ออฟฟิศทั้งหมดเป็นเวลา 29 ปี ค่าเช่าเริ่มต้นตารางเมตรละ 640 บาท 2.โครงการเดอะไนน์ สำนักงานให้เช่าพื้นที่ 5.8 หมื่นตารางเมตร ค่าเช่าเริ่มต้นตารางเมตรละ 520 บาท ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 50% ศุภาลัย-กฤษดาฯเนื้อหอม นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเคยได้รับการติดต่อจากนักลงทุนชาวจีนผ่านทางนายหน้าเพื่อขอซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดฯแบบยกชั้น ประมาณ 10-20 ยูนิต ทราบว่าจะซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า คาดว่าเป็นเพราะช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเติบโตต่อเนื่องจึงสนใจเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาฯในกรุงเทพฯที่ราคายังไม่สูง อย่างไรก็ตามการเจรจาไม่ได้ข้อยุติเนื่องจากเป็นการซื้อแบบยกชั้น ทางตัวแทนจีนขอต่อรองส่วนลดค่อนข้างสูง แหล่งข่าวจากบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการเดอะคริส รัชดาฯ และเดอะคริส เอ็กซ์ตร้า พระราม 9 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้บริษัทได้รับการติดต่อจากนายหน้าของนักลงทุนมาเลเซียเชื้อสายจีน เพื่อขอซื้อห้องชุดโครงการเดอะคริส รัชดาฯ แบบยกชั้น เมื่อประมาณไม่เกิน 1 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากขอต่อรองส่วนลดมากถึงเกือบ 20% ขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนชาวจีนและชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนที่ซื้อห้องชุดเฉลี่ยรายละ1-3ยูนิต เพื่อลงทุนปล่อยเช่าเนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่กลางเมือง และอยู่แนวรถไฟฟ้าใต้ดิน
เผยอสังหาฯไทยน่าลงทุน
แหล่งข่าวจากบริษัทตัวแทนขายและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งเปิดเผยเพิ่มเติมว่าปรากฏการณ์กลุ่มลูกค้าคนจีนที่มาซื้อคอนโดฯในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวมีอยู่ตลอดเวลา แต่น่าสังเกตว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้บริษัทได้รับการติดต่อจากคนจีนที่สนใจซื้อคอนโดฯในเมืองไทยส่วนใหญ่ระบุความต้องการซื้ออยู่ในทำเลรัชดาฯ-พระราม9 ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ รวมทั้งหัวเมืองท่องเที่ยวคือพัทยา แต่ละรายซื้อเฉลี่ย 1-4 ยูนิต มีทั้งซื้อเพื่ออยู่เองและซื้อลงทุนปล่อยเช่า "เท่าที่ทราบโครงการคอนโดฯ ทีซีกรีน ย่านพระราม 9 ซึ่งมีนักลงทุนจีนร่วมทุนพัฒนาโครงการ มีสัดส่วนลูกค้าคนจีน 25% ของยอดขายทั้งหมด น่าจะเกิดจากปีที่ผ่านมาประเทศจีนได้ออกมาตรการสกัดฟองสบู่อสังหาฯ ผู้ที่ซื้อบ้านตั้งแต่หลังที่ 2 ขึ้นไปจะต้องเสียภาษีสูงขึ้น จึงออกมาซื้ออสังหาฯนอกประเทศแทนเพื่ออยู่เอง และลงทุนหาผลตอบแทนที่ยังสามารถทำกำไรในเมืองไทย ถ้าปล่อยเช่าเฉลี่ยมีผลตอบแทน 6-7%" แหล่งข่าวกล่าว
ทุนจีนใช้ไทยเป็นฐานบุก AEC
นายพิพิธ เอนกนิธิ รองกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจจีน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารกสิกรไทยได้ขยายธุรกิจเข้าไปเปิดสาขาในประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ได้เปิดดำเนินการแล้ว 2 สาขา คือ ที่เมืองเสิ่นเจิ้น และเฉิงตู โดยกสิกรไทยมียุทธศาสตร์ที่จะเป็นสะพานเชื่อมการลงทุนของจีนกับอาเซียน นอกจากเป้าหมายเพื่อการเข้าไปให้บริการสินเชื่อกับธุรกิจเอสเอ็มอีจีนแล้ว อีกด้านหนึ่งก็เป็นการต่อยอดในการเป็นที่ปรึกษากลุ่มนักธุรกิจจีน ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
โดยขณะนี้มีภาพชัดเจนว่ามีนักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยรวมถึงมีเป้าหมายจะใช้ไทยเป็นฐานเพื่อที่จะขยายการค้าการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ผ่านมาเห็นแนวโน้มชัดเจนของนักลงทุนจีนที่เข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ทางธนาคารก็ได้มีการตั้งทีมเพื่อดูแลกลุ่มลูกค้านักธุรกิจจีนที่เข้ามาเมืองไทยโดยเฉพาะด้วย
วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556
จับตาอสังหาฯ-ก่อสร้างวิกฤติขาดแรงงาน
ปัญหาผู้รับเหมาฯ-แรงงานขาดแคลนเข้าขั้นวิกฤต
อสังหาฯเผยไม่มีผู้รับเหมาฯเสนอประมูลงาน ตัดโอกาสผู้ประกอบการระดับกลาง-รายย่อย
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมอาคารชุดไทย จัดเสวนาพิเศษเรื่อง
"วิกฤติแรงงานขาดแคลน ผลกระทบต่ออสังหาริมทรัพย์" (ในธุรกิจก่อสร้าง) ระบุว่า ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในธุรกิจก่อสร้าง กำลังเป็นปัญหาใหญ่เข้าขั้นวิกฤติ
โดยมีภาวะขาดแคลนแรงงานในทุกกลุ่ม ทั้งแรงงานระดับหัวหน้าคุมงาน แรงงานระดับช่างฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และแม้กระทั่งแรงงานไร้ฝีมือ ก็อยู่ในภาวะขาดแคลน ถึงขั้นต้องแย่งตัวแรงงานต่างด้าวที่ประจำในแต่ละไซต์งาน
อีกทั้งมีปัญหาต้องเสียค่าใช้จ่ายปลีกย่อยหลายด้าน หากมีแรงงานต่างด้าวในครอบครอง ซึ่งเสี่ยงต่อการจ้างงานผิดกฎหมาย
แต่หลายบริษัทก็ต้องรับสภาพ เนื่องจากมีภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารขุดไทย กล่าวว่า สถานการณ์ที่ขาดแคลนแรงงานในภาคก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว จึงทำให้ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวกลายเป็นแรงงานหลักในไซต์งานก่อสร้าต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งพบว่าผู้รับเหมาฯแทบทุกรายล้วนใช้แรงงานต่างด้าว เกินกว่าครึ่งของแรงงานที่มี และยังพบว่าสถานการณ์จ้างงานก่อสร้างเปลี่ยนไป คือแต่เดิมเวลาจะเปิดประมูลงาน ต้องมีผู้รับเหมาฯมาเสนองาน 5 รายเป็นอย่างต่ำ แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่ต้องประมูล เพราะอาจเรียกผู้รับเหมาฯมาเสนองานได้เพียง 1-2 รายเท่านั้น
นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารขุดไทย กล่าวว่า สถานการณ์ที่ขาดแคลนแรงงานในภาคก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว จึงทำให้ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวกลายเป็นแรงงานหลักในไซต์งานก่อสร้าต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งพบว่าผู้รับเหมาฯแทบทุกรายล้วนใช้แรงงานต่างด้าว เกินกว่าครึ่งของแรงงานที่มี และยังพบว่าสถานการณ์จ้างงานก่อสร้างเปลี่ยนไป คือแต่เดิมเวลาจะเปิดประมูลงาน ต้องมีผู้รับเหมาฯมาเสนองาน 5 รายเป็นอย่างต่ำ แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่ต้องประมูล เพราะอาจเรียกผู้รับเหมาฯมาเสนองานได้เพียง 1-2 รายเท่านั้น
ผู้รับเหมาฯเล่นตัวเมินประมูลงาน
"ผู้รับเหมาฯเล่นตัวมากขึ้น ถึงขนาดบอกว่าถ้าไม่ใช่ลูกค้าเก่ากันมาก่อน คงไม่มารับงานให้ที่มาเสนองานครั้งนี้เพราะเกรงใจ" นายอธิป ย้ำและว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับ บริษัทพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ ยิ่งหากเป็นรายกลาง-รายย่อย การหาผู้รับเหมาฯในขณะนี้เป็นเรื่องยากมาก หรือหากได้งานก็ต้องเสนอราคาจ้างงานที่สูงมาก เกินภาวะปกติไป 10-20% กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ ไม่เพียงผู้รับเหมาฯ งานปลีกย่อยเช่น ตอกเสาเข็มก็เข่นกัน ต้องรอคิวถึง 45 วัน เพื่อจองตัวคนงานขับรถตอกเข็มซึ่งขาดแคลนหนัก เช่นเดียวกับช่างมุงหลังคาที่หาได้ยากงานล้นมือ หลายโครงการต้องกองกระเบื้องรอช่างนานนับเดือน
"ผู้รับเหมาฯเล่นตัวมากขึ้น ถึงขนาดบอกว่าถ้าไม่ใช่ลูกค้าเก่ากันมาก่อน คงไม่มารับงานให้ที่มาเสนองานครั้งนี้เพราะเกรงใจ" นายอธิป ย้ำและว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับ บริษัทพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ ยิ่งหากเป็นรายกลาง-รายย่อย การหาผู้รับเหมาฯในขณะนี้เป็นเรื่องยากมาก หรือหากได้งานก็ต้องเสนอราคาจ้างงานที่สูงมาก เกินภาวะปกติไป 10-20% กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ ไม่เพียงผู้รับเหมาฯ งานปลีกย่อยเช่น ตอกเสาเข็มก็เข่นกัน ต้องรอคิวถึง 45 วัน เพื่อจองตัวคนงานขับรถตอกเข็มซึ่งขาดแคลนหนัก เช่นเดียวกับช่างมุงหลังคาที่หาได้ยากงานล้นมือ หลายโครงการต้องกองกระเบื้องรอช่างนานนับเดือน
นอกจากนี้ แม้หลายโครงการมีผู้รัเหมาฯแล้วก็ใช่ว่าจะหมดปัญหา เพราะยังมีภาวะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นซ้ำซ้อนอย่างไม่ควรเป็น กรณีที่ผู้รับเหมาฯใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งแน่นอนย่อมมีทั้ง ที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง และเข้ามาแบบไม่ถูกกฎหมาย จึงมักมีปัญหาต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว
"ขณะนี้มีไม่น้อยกว่า 14 หน่วยงาน
ที่เวียนเข้ามาตรวจไซต์งานก่อสร้าง ขอให้คนงานต่อแถวตรวจเอกสาร บางครั้งต้องยกขบวนกันไปโรงพัก
เสียเวลาทำงานเป็นวันๆ ส่งผลกระทบต่อการทำงานล่าช้าเสียหาย
ผู้รับเหมาฯบางรายจึงยอมจ่ายเงินพิเศษ
เพื่อตัดปัญหาแต่ก็พบกรณีเรียกตรวจทำนองนี้ค่อนข้างถี่
หลายรายยอมเสียค่าใช้จ่ายให้เจ้าหน้าที่แบบรายเดือนเพื่อตัดปัญหา
แต่ก็กลายเป็นปัญหาต้นทุนซ้ำซ้อนบานปลาย" นายอธิป เผยและว่า
ที่ผ่านมาเอกชนพยามปรับตัวด้วยการ นำระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปมาใช้
แต่ก็มีปัญหาเรื่องการยอมรับของตลาด เนื่องจากคุณภาพงานมีปัญหา
จากรอยต่อชิ้นส่วนต่างๆ ที่มีกรณีน้ำรั่วซึมได้
เนื่องจากไทยเป็นเมืองร้อนชื้นฝนตกมากกว่าแถบยุโรปเจ้าของเทคโนโลยีต้นแบบ
นอกจากนี้ยังมีปัญหา
แย่งตัวคนงานก่อสร้างกันแบบเฉพาะหน้า โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนพบว่ามีปัญหาถูกชิงตัว
ถึงไซต์งานหากไม่มีหัวหน้างานคุมอยู่ ด้วยการเสนอค่าจ้างสูงกว่าเกือบเท่าตัว
ดึงตัวคนงานจากไซต์หนึ่งไปอีกไซต์หนึ่งแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งกรณีการเสนอค่าจ้างแรงงานสูงกว่า
เป็นอีกประเด็นปัญหาที่ทำให้คนงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งไม่ต้องการขึ้นทะเบียน
เพราะเมื่อขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวแล้ว จะทำให้การเคลื่อนย้ายที่ทำงานทำได้ยาก
แม้กระทั่งการย้ายไซต์งานก่อสร้างก็ไม่สามารถทำได้
หากแจ้งขึ้นทะเบียนทำงานกับนายจ้างเดียวไว้ไซต์งานเดียวไว้ตั้งแต่แรก
เสนอผ่อนเกณฑ์ย้ายแรงงานต่างด้าว
ปัญหาเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงานต่างด้าวทำได้ลำบาก เป็นอีกประเด็นที่กระทบต่อการดำเนินงาน เพราะแม้กระทั่งนายจ้างเดิมที่ขึ้้นทะเบียนแรงงานไว้ถูกต้อง ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายกรณีที่จย้ายแรงงานต่างด้าว ไปทำงานนอกพื้นที่ที่แจ้งไว้รายละ 1,000 บาท/ต่อการแจ้งย้าย 1 ครั้ง ดังนั้นเอกชนจึงต้องการจอผ่อนผันเรื่องการย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ด้วย
ปัญหาเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงานต่างด้าวทำได้ลำบาก เป็นอีกประเด็นที่กระทบต่อการดำเนินงาน เพราะแม้กระทั่งนายจ้างเดิมที่ขึ้้นทะเบียนแรงงานไว้ถูกต้อง ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายกรณีที่จย้ายแรงงานต่างด้าว ไปทำงานนอกพื้นที่ที่แจ้งไว้รายละ 1,000 บาท/ต่อการแจ้งย้าย 1 ครั้ง ดังนั้นเอกชนจึงต้องการจอผ่อนผันเรื่องการย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ด้วย
ด้านน.พ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ยอมรับว่าสถานการณ์แรงงานขณะนี้ขาดแคลนจริง โดยเฉพาะแรงงานไทยไม่นิยมทำงานในภาคก่อสร้างและภาคแรงงานพื้นฐานมากนัก ซึ่งความรุนแรงของปัญหามาจากหลายสาเหตุ ปัญหาใหญ่คือ
โครงสร้างประชากรเปลี่ยน ทั้งเรื่องของอายุประชากร อาชีพที่เลือกได้ไมากขึ้น
ปัจจุบันคนไทยเลือกอาชีพอิสระมากขึ้น เพราะทำง่ายรายได้ดี เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
หาบแร่แผงลอย อาชีพรับจ้างอิสระ และค้าขายอื่นๆ ทำให้แรงงานหายไปหลายแสนคน
ปลัดกระทรวงแรงงาน เผยว่าข้อมูลล่าสุดมีผู้ประกอบการแจ้งโควต้าความต้องการแรงานเพิ่มอีก
2.1 ล้านคน แต่สถานการณ์ขณะนี้ เรามีแรงานในมือเพียง 5
แสนกว่าคน สรุปเรายังมีความต้องการแรงงานต่างด้าวอยู่ 1.6 ล้านคน ที่ถือได้ว่ายังขาดแคลน
โดยจำนวนนี้ไม่รวมแรงงานผิกกฎหมาย
หากดูจากสถาณการณ์ล่าสุด แรงงานต่างด้าวในไทยมีอยู่ 1.3 ล้านคน และยังอยู่ในมือผู้ประกอบการอีก 5 แสนคน ที่กำลังจะขึ้นทะเบียนรวมเป็น 1.8 ล้านคน ยังมีแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาทำงานแบบไม่เปิดเผยอีกราว 7 แสนคน รวมเป็นแรงงานต่างด้าวนในไทยทั้งสิ้นกว่า 2.5 ล้านคนเป็นอย่างน้อยแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
หากดูจากสถาณการณ์ล่าสุด แรงงานต่างด้าวในไทยมีอยู่ 1.3 ล้านคน และยังอยู่ในมือผู้ประกอบการอีก 5 แสนคน ที่กำลังจะขึ้นทะเบียนรวมเป็น 1.8 ล้านคน ยังมีแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาทำงานแบบไม่เปิดเผยอีกราว 7 แสนคน รวมเป็นแรงงานต่างด้าวนในไทยทั้งสิ้นกว่า 2.5 ล้านคนเป็นอย่างน้อยแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
จำนวนที่ยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการถึง 1.6
ล้านคนนั้น ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้แก้ปัญหา โดยได้ทำเอ็มโอยูลงนามความร่วมมือกับ 3 ประเทศ
คือ พม่า ลาว และกัมพูชา ในการนำเข้าแรงงานมาทำงานในไทย ซึ่งก็ช่วยได้ระดับหนึ่งแต่นยังไม่เพียงพอ
เพราะในทางปฏิบัติจริงแรงงานตามเอ็มโอยู มีโอกาสจะได้มาเพียงจากพม่าเท่านั้น ขณะที่เวียดนาม
และกัมพูชา มีโอกาสส่งแรงงานมาไทยน้อยมาก ที่เข้ามาส่วนใหญ่ล้วนเป็นการลักลอบแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
อีกทั้ง ล่าสุดสมาคมประมง ได้เรียกร้องมาว่าต้องการแรงงานเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันแรงงานพม่า และกัมพูชา ไม่ยอมลงเรือ ทำให้มีปัญหาหลอกคนไปทำงาน
ปัญหาค้ามนุษย์ตามมา ล่าสุดก.แรงงานจึงประสาน ด้วยการจะทำเอ็มโอยูกับประเทศบังคลาเทศ เพื่อส่งแรงงานเข้ามาในภาคประมงไทย และอาจเพิ่มให้กับสมาคมด้านก่อสร้างที่แสดงความจำนงมาด้วยเช่นกัน
ส่วนประเด็นการย้ายไซต์งานของแรงงานก่อสร้าง น.พ.สมเกียรติ กล่าวว่า
เรื่องนี้่จะรับไว้พิจารณาดำเนินการผ่อนผัน ให้สามารถทำได้
โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน โดยกระทรวงฯจะรับไปดำเนินการต่อ
และให้ระบุตั้งแต่ขั้นตอนการออกใบอนุญาตทำงาน โดยให้ระบบจำนวนไซต์งานของแรงงานนั้นๆ ได้มากว่า 1 แห่ง อาจได้ถึง 10 แห่งไว้ตั้งแต่ต้น
เกาะติดโครงการ2ล้านล้านหวั่นปัญหาซ้ำ
นอกจากนี้ นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ทางกระทรวงยังมีความกังวล กับปัญหาที่อาจเกิดต่อเนื่องจากโครงการ 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลที่จะสร้างระบบสาฤธาณูปโภคพื้นฐานอาจใช้แรงงานจำนวนมาก จะกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหาแรงงานในภาคก่อสร้าง ที่ขาดแคลนหนักในปัจจุบัน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปขอดูรายละเอียดโครงการดังกล่าว เพื่อประเมินว่าจะมีโอกาสใช้แรงงานเพิ่มอีกเพียงใด เพื่อนำมาวิเคราะห์วางแผนจัดเตรียมแรงงาน สำหรับป้อนภาคก่อสร้างให้เพียงพอ
นอกจากนี้ นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ทางกระทรวงยังมีความกังวล กับปัญหาที่อาจเกิดต่อเนื่องจากโครงการ 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลที่จะสร้างระบบสาฤธาณูปโภคพื้นฐานอาจใช้แรงงานจำนวนมาก จะกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหาแรงงานในภาคก่อสร้าง ที่ขาดแคลนหนักในปัจจุบัน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปขอดูรายละเอียดโครงการดังกล่าว เพื่อประเมินว่าจะมีโอกาสใช้แรงงานเพิ่มอีกเพียงใด เพื่อนำมาวิเคราะห์วางแผนจัดเตรียมแรงงาน สำหรับป้อนภาคก่อสร้างให้เพียงพอ
ซึ่งในเรื่องนี้ ภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ก็แสดงความกังวลเช่นกันว่า โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในกลุ่มเมกะโปรเจคต่างๆ
หากเปิดดำเนินการจริง อาจส่งผลกระทบการดึงผู้รับเหมาฯ และการดึงแรงงานซึ่งวิกฤติอยู่แล้ว ให้เลวร้ายซ้ำเติมขึ้นไปอีก สถานการณ์ขณะนี้
ผู้ประกอบการจึงพยายามทุกวิถีทางในการปรับตัวเพื่อรับมือปัญหา
บางบริษัทมีการปรับระบบการบริหารงานก่อสร้าง
เปิดแผนกควบคุมงานก่อสร้างขึ้นมาเป็นการเฉพาะ
อย่างกรณีล่าสุด บริษัท เอเชี่ยน พร็อเพอร์ตี้
จำกัด(มหาชน) เปิดแผนกบริหารโลจิสติกส์ สำหรับงานก่อสร้างขึ้นมาเป็นกรณีเฉพาะกิจ
โดยให้เหตุผลว่าต้องการบริหารงานก่อสร้างไม่ให้ติดขัด
ซึ่งเนื้อหาใหญ่ก็คือกาแก้ปัญหาการก่อสร้างไม่ให้สะดุด จากปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาฯ
และขาดแคลนแรงงานก่อสร้างในทุกระดับชั้นนั่นเอง
ขณะที่่เอกชนบางราย
ยอมรับว่าภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นขณะนี้ บางบริษัท ถึงกับต้องปรับตัว
โยกย้ายเจ้าหน้าที่ในไซต์งานก่อสร้าง ดึงส่วนงานที่ไม่ขาดแคลนมากมาเสริม
งานที่ขาดแคลนหนัก โดยเฉพาะงานโฟร์แมนผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งใช้คนระดับอาชีวะ
เป็นผู้ควบคุมแต่เนื่องจาก แรงงานในกลุ่มนี้ขาดแคลนมาก
เพราะผู้จบอาชีวะมักจะกลับไปเรียนต่อเมื่อจบปริญญาตรีแล้ว
ก็ไม่ยอมทำงานระดับโฟร์แมน ขยับไปสู่งานวิศวกรแทน
หลายบริษัทจึงต้องปรับตำแหน่งวิศวกร ในแง่การทำงานลงมาเป็นงานระดับโฟร์แมน
แต่เรียกตำแหน่งวิศวกรเช่นเดิม และจ่ายค่าจ้างระดับวิศวกร
แต่ใช้งานในระดับต่ำลงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
ซึ่งก็เป็นอีกค่าใช้จ่ายที่ทำให้ต้นทุนสูงเกินจริง
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)